สรุปสั้น
1. “Plant-based Food” คืออะไร
– Plant-based Food คือ อาหารที่ทำจากพืช 100% ของคนที่มีไลฟ์สไตล์การทานพืชเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น เจ มังสวิรัติ หรือวีแกน
2. ทำไมการทาน Plant-based ถึงสำคัญ
*1. ดีต่อสุขภาพ
*2. ดีต่อสิ่งแวดล้อม (การทำปศุสัตว์เป็นการสร้างแก๊สที่ทำให้เกิดโลกร้อนได้มากกว่า)
*3. ลดการทำร้ายสัตว์
– เริ่มจากการเป็น flexitarian ก่อนก็ได้ ไม่ต้องทำทุกมื้อมันจะยากเกินไป ให้เรียนรู้ไปเรื่อยๆ แล้วร่างการซึมซับและเปลี่ยนเป็นพฤติกรรมเอง
3. การกิน Plant-based จะได้สารอาหารครบไหม
– ถ้ากินพืชที่หลากหลายก็จะสามารถทดแทนโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมันจากสัตว์ได้
4. ถ้าอยากเริ่มทาน Plant-based Food ต้องทำอย่างไร
– เริ่มจากการเป็น flexitarian ก่อนก็ได้ ไม่ต้องทำทุกมื้อมันจะยากเกินไป ให้เรียนรู้ไปเรื่อยๆ แล้วร่างการซึมซับและเปลี่ยนเป็นพฤติกรรมเอง
1. “Plant-based Food” คืออะไร
[คุณดาว]
– เป็นอาหารจากพืช ซึ่งคนที่รับประทานก็มีชื่อเรียกหลากหลายบางคนก็เรียกว่า มังสวิรัติ หรือวีแกน (vegan) ที่มีเรื่องไลฟ์สไตล์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แต่โดยรวมก็คืออาหารที่เน้นการทานพืชเป็นหลักโดยจะเน้นให้ได้สารอาหารที่ครบถ้วน อย่าง โปรตีน ไขมัน วิตามิน คาร์โบไฮเดรต ก็มาจากพืชทั้งหมด ถ้าเป็นอาหารทั่วไปโปรตีนกับไขมันก็อาจจะมาจากเนื้อสัตว์ เป็นต้น
– ส่วนการทานอาหารเจ จะเป็นเกี่ยวกับความเชื่อทางศาสนามากกว่าคือ จะต้อง ละ เลิก กิเลส และไม่ได้ทานพืชได้ทุกชนิด อย่างพืชฉุนมีกลิ่นแรงแบบกระเทียมก็คือห้ามทาน คือมันจะลึกลงไปอีก และมีถือศีลร่วมด้วย ทุกอย่างมาจากการไม่กินเนื้อสัตว์เป็นจุดตั้งต้น แต่อาจมีการปฏิบัติต่างกันเช่น บางคนเชื่อว่า by-product ที่มาจากสัตว์ เช่น นม ไข่ ขี้ผึ้ง น้ำผึ้ง ที่มันไม่ได้ไปรบกวนการใช้ชีวิตของพวกเขาก็ยังทานได้อยู่
[คุณจ๋า]
– ในส่วนของวีแกนคือ ไม่ใช่แค่การเลือกทานอาหารอย่างเดียวแต่มันรวมไปถึงไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตอีกด้วย คือคนพวกนี้จะเริ่มตั้งต้นจากสัตว์และจะไม่ซัพพอร์ตธุรกิจที่เกี่ยวกับสัตว์ เช่น สวนสัตว์ต่างๆ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้สัตว์ทำการทดลอง เป็นต้น
[คุณดาว]
– สรุปง่ายๆ คือ plant-based เป็นอาหารที่ทำจากพืช 100% ของคนที่ไม่ว่าจะเป็นวีแกน เจ มังสวิรัติ หรืออะไรก็แล้วแต่ ที่แต่ละคนเลือกปฏิบัติตามไลฟ์สไตล์ของตัวเอง มันคือคำกลางๆ ที่ใช้เรียกประเภทอาหาร เปรียบเทียบก็เหมือนคำว่า ออร์แกนิค ที่เอาไว้เรียกของที่มาจากธรรมชาติ ไม่มีสารเคมี
2. ทำไมการทาน Plant-based ถึงสำคัญ
[คุณมายด์]
– มีประมาณ 3 เหตุผลหลักที่ทำไมคนถึงหันมาทานอาหาร plant-based
*1. เรื่องสุขภาพ
*2. อยากช่วยสิ่งแวดล้อม เพราะมีวิจัยออกว่าการทำปศุสัตว์เป็นการสร้างแก๊สที่ทำให้เกิดโลกร้อนได้มากกว่า
*3. ไม่อยากทำร้ายสัตว์
[คุณจ๋า]
– ตอนแรกทานอาหารปกติ แต่ 9 ปีที่แล้วได้ลองเปลี่ยนการกินมาเป็นมังสวิรัติก่อน โดยเริ่มจากการไม่ทานเนื้อสัตว์แต่ยังทาน ไข่ นม เนย อยู่ แต่พอทานไปซัก 3-4 ปี ร่างกายเริ่มไม่เอาแล้ว มันรู้สึกเลี่ยน คือมันเกิดจากการที่เราให้เวลาร่างกายมันปรับตัว คือเรารู้สึกแล้วว่าเราไม่ได้อยากนมวัวแล้ว อยากเปลี่ยนไปเป็นนมถั่วเหลือง ไม่อยากไข่แล้ว อยากเปลี่ยนเป็นเทมเป้ เต้าหู้ อยากผลไม้สดๆ เลยเปลี่ยนมาเป็นวีแกน เต็มตัวได้ 6 ปีแล้ว พอมาสายนี้ความคิดเราเลยโยงไปจนถึงเรื่องของใช้ด้วย ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะใช้ถุงผ้า อะไรที่ทำมาจากหนังสัตว์ก็อาจจะเลี่ยง เพราะปัจจุบันมันก็มีวัสดุทดแทนเยอะที่คุณภาพเท่าเทียมเลย
[คุณมายด์]
– ส่วนตัวเป็น flexitarian ก็คือยังไม่ได้เป็นวีแกน 100% ยังมีการทานนม ไข่ อยู่บ้าง แต่พวกของใช้ก็คือเหมือนคุณจ๋าเลย อะไรเลี่ยงได้ก็จะเลี่ยง ตอนนี้ของที่ทำมาทดแทนก็ดีขึ้นเรื่อยๆ อาหารก็มีให้เลือกหลากหลายมากยิ่งขึ้นด้วย บางอย่างดีกว่าของที่ทำมาจากสัตว์อีกด้วย
3. ทานแค่พืชอย่างเดียว จะได้สารอาหารครบถ้วนไหม
[คุณมายด์]
– สารอาหารมี 2 แบบคือ แบบหลักและแบบรอง สารอาหารแบบหลักได้แก่ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน และแบบรองคือวิตามิน เกลือแร่ต่างๆ เราสามารถเลือกทานพืชที่มีโปรตีนเป็นสารอาหารแทนเนื้อสัตว์ก็ได้ เช่น ถั่วเหลือง เต้าหู้ เมล็ดธัญพืช ถั่วเหลือง ถั่วแดง นมจากพืช เห็ด ผักใบเขียว บร็อคโคลี่ ผักโขม คือพวกนี้ทานแทนเนื้อสัตว์ได้หมดเลย
– ข้าวกล้อง หรือคีนัว ก็ไม่ได้ให้ให้คาร์โบไฮเดรตอย่างเดียว มันยังมี % โปรตีนที่สูงประมาณนึงเลยด้วย ถ้ากินหลากหลายและกินในปริมาณที่มากเพียงพอกับตัวเอง ก็ทดแทนกันได้เลย
– โปรตีนจากสัตว์จะมีคอเลสเตอรอลและไขมัน ส่วนในพืชที่ให้โปรตีนคือแทบจะไม่มีคอเลสเตอรอลเลย และไขมันก็เป็นไขมันดี แถมเรายังได้สารต้านอนุมูลอิสระ และกากใยอาหารที่ในสัตว์ไม่มีอีกด้วย
[คุณดาว]
– โปรตีนคือ กรดอะมิโนที่มารวมกันเป็นสายโปรตีน ดังนั้นข้อแตกต่างคือโปรตีนที่มาจากสัตว์แน่นอนมันจะสมบูรณ์กว่าพืชเพราะสายยาวกว่า ในขณะที่ของพืชสายจะสั้นกว่า ดังนั้นการเลือกทานโปรตีนจากพืชเลยต้องทานให้หลากหลายเพื่อที่รวมๆ กันแล้วจะได้สารอาหารเท่ากับเนื้อสัตว์ คือทานเนื้อสัตว์ชิ้นเดียวก็จะได้โปรตีนครบแล้ว แต่ทานพืชต้องทานให้หลากหลายถึงจะครบ อันนี้คือจุดต่าง แต่ประโยชน์แฝงที่เราจะได้จากพืชนั้นมีมากกว่า เพราะเนื้อสัตว์จะมีไขมันอิ่มตัว มีคอเลสเตอรอล
– แนะนำให้ใช้กฎการแทนที่ในการเลือกทานให้ได้สารอาหารครบถ้วน เริ่มต้นหาข้อมูลดูว่า พืชอะไรที่ให้สารอาหารประเภทไหน แล้วเลือกกินให้หลากหลายก็จะง่ายขึ้น
4. ตัวเลือกของอาหาร Plant-based มีมากน้อยแค่ไหน
[คุณจ๋า]
– มี 2 ประเภทคือ Process กับ Whole foods
*1. Process คือทำเป็นสำเร็จรูปมาแล้ว และผ่านการแช่แข็ง เช่น ไส้กรอก เบอร์เกอร์ มันจะเก็บได้นาน คนเข้าถึงได้ง่ายกว่า แต่ก็จะสูญเสียสารอาหารไปบางส่วน
*2. Whole foods คืออาหารสดเลยเป็นธรรมชาติทั้งหมด อันนี้จะดีที่สุดเพราะวิตามินครบไม่ได้ผ่านการ process จะได้สารอาหารครบมากกว่า ก็อยากแนะนำให้เลือกกินประเภทนี้
[คุณดาว]
– วัตถุดิบในโลกตอนนี้ที่เห็น ทำมาแทนที่เนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อวัว ก็เกิดจากการเอาพืชหลายๆ ชนิดนี่แหละมารวมกันแล้วก็มาแต่งตัวใหม่ มีหลากหลายมากตั้งแต่ หมูสับ ไส้กรอก ปลาเค็ม ปลาร้าก็ยังมีเลย
– หลักๆ เวลาเลือกวัตถุดิบที่มาแทนเนื้อสัตว์ ให้ดูว่าตัวโปรตีนที่เขาเอามาใส่ว่ามีเยอะแค่ไหน ทำมาจากอะไร เป็นโปรตีนสกัด หรือเกษตรแปรรูป เป็นอีกวิธีในการเลือก
– เทมเป้ (Tempeh) ก็เป็นอีกวัตถุดิบที่คนชอบเอามาทำแทนเนื้อสัตว์ มันคือการรวมกันระหว่างถั่วเหลือง และเชื้อราตระกูลเห็ด โดยวิธีการทำคือ เอาเห็ดมาปลูกบนก้อนถั่วเหลือง เกิดมาเป็นก้อนโปรตีนขึ้นมา ต่างจากเต้าหู้ที่เอามาแค่น้ำต้มถั่วเหลือง ส่วนตัวเทมเป้มันจะเป็นก้อนโปรตีนที่มีเมล็ดถั่วเหลืองผสมอยู่ในก้อนด้วย ทานแล้วอยู่ท้องกว่า มีประโยชน์ได้ทั้งไฟเบอร์ และในกระบวนการหมักก็ทำให้มีเชื้อจุลินทรีย์ที่มีโพรไบโอติกส์ (Probiotics) ทำให้ผลิตวิตามินมาเพิ่มจากเชื้อจุลินทรีย์อีกด้วย แถมมีโปรตีนเทียบเท่าอกไก่ สามารถเอาไปประยุกต์ทำอาหารแทนวัตถุดิบเดิมที่เป็นอกไก่ หรือเต้าหู้ได้หมดเลย
5. อยากจะเริ่มทานอาหาร Plant-base ต้องปรับตัวอย่างไร
[คุณดาว]
– เริ่มจากการเป็น flexitarian ก่อนก็ได้ มันคือการเอาคำว่า flexible + vegetarian = flexitarian ก็ตรงตัวเลยคือ ยืดหยุ่นได้ โดยตั้งหลักจากการที่เราอยากมีสุขภาพที่ดี อยากได้ภูมิคุ้มกันที่ดี ไม่ต้องทำทุกมื้อก็ได้มันจะยากเกินไป ให้เรียนรู้ไปเรื่อยๆ แล้วร่างกายซึมซับและเปลี่ยนเป็นพฤติกรรมแทน เราอาจจะไม่ได้ชอบตั้งแต่แรกหรอก แต่เราต้องกินเพื่อสุขภาพของเรา
– เวลาสั่งอาหารให้คิดว่าเราอยากได้อะไรจากจานนี้ ถ้าอยากได้โปรตีนกับไฟเบอร์ ไม่ได้อยากได้คอเลสเตอรอล ก็ให้เลือกกินเต้าหู้แทน ใช้กฎการแทนที่ในเมนู เช่น อยากกินข้าวผัด ให้เลือกที่ใส่ธัญพืชแทน หรืออยากกินกาแฟลาเต้ใส่นม ก็ให้เลือกนมที่มาจากถั่วเหลือง มันจะง่ายขึ้น
– พอเราเริ่มรู้แล้วว่าในพืชก็มีโปรตีน แคลเซียม ธาตุเหล็ก และบางประเภทหาได้มากกว่าในเนื้อสัตว์ด้วย เวลาเราเลือกกินอาหารเราก็จะเลือกพืชพวกนั้นเข้ามา แล้วลดเนื้อสัตว์ไปเอง เชื่อมั้ยว่าผักใบเหลียง ผักกระเฉด ผักคะน้า ผักพื้นบ้านพวกนี้มีแคลเซียมมากกว่านมวัวอีก
– พอทำบ่อยๆ แล้วเรารู้สึกดี เราก็จะหันมามองไปถึงพลังงานจากการที่เราได้ทำสิ่งๆ นี้ เราจะมองไปถึงสิ่งแวดล้อมของอาหารจานนี้ มองไปถึงเกษตรกรที่ปลูกผัก จนไปถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของเรา เช่น อยากลดขยะ อยากจะแชร์ อยากจะชวนให้ทุกคนมาทำแบบเรา เพราะทำแล้วมันดี คือเริ่มจากการกิน แล้วต่อยอดไปถึงพฤติกรรมอื่นๆ ที่กลายเป็นพลังบวกกับชีวิตและสิ่งแวดล้อมได้อีกด้วย
ช่วง Q&A
Q1: คนที่เป็นมังสวิรัติ เจ และวีแกน มี perception ในการเลือกทานอาหาร plant-based ที่ต่างกันไหม
[คุณดาว]
– คนทั้งสามกลุ่มนี้มีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน แต่ทานอาหาร plant-based เหมือนกัน ถ้าถามถึง perception ก็อาจจะมีต่างกันบ้าง เช่น คนที่เป็นวีแกน ก็มีอยู่ไม่มาก แต่จะเป็นลูกค้าประจำที่อยู่กับเรานาน เพราะเขาจะต้องอยู่กับเราไปตลอดชีวิต คนกลุ่มนี้คือคนที่เราอยากซัพพอร์ตมากๆ เพราะเรารู้ว่าเขาต้องใช้ความพยายามและมีวินัยในการกินสูง เขาไม่ได้มีตัวเลือกเยอะ ต้องไปหาร้านที่เขาไว้ใจ และเชื่อถือได้ มีความเชื่อแบบเดียวกับเขา และส่วนใหญ่ยังเป็นคนที่จะออกมาเรียกร้องเพื่อโลก เพื่อสิ่งแวดล้อม
– ส่วนกลุ่มคนที่พยายามรักษาสุขภาพก็จะแมสขึ้นมาหน่อย เป็นกลุ่มใหญ่ที่จะเลือกมากินเมื่อไหร่ก็ได้ หรืออยากกินเพื่ออะไรซักอย่าง เช่น แก้บน วันเกิด วันพระ จะไม่ทานเนื้อสัตว์ แต่ในอนาคตคนเหล่านี้ก็มีแนวโน้มที่จะหันมาเป็นวีแกนมากขึ้น เพราะอย่างที่บอกไปว่า พอได้เริ่มมาทานอาหารพวกนี้แล้วก็อยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองไปอีกขั้นเรื่อยๆ
[คุณมายด์]
– คนทานเจจะมีความเชื่อเกี่ยวกับศาสนาเป็นส่วนใหญ่
– วีแกนมี strong why มากกว่า เขาอยากทำเพื่อสิ่งแวดล้อม ช่วยลดโลกร้อน อยากทำสิ่งที่ ethical ต่อสัตว์ มันเลยรวมไปถึงไลฟ์สไตล์ทุกอย่างและสุขภาพก็เป็นหนึ่งในนั้น
– คนส่วนใหญ่มาทาน plant-based เพื่อลดน้ำหนัก แต่ทีหลังก็เปลี่ยนมาเป็นวีแกนก็มี
[คุณจ๋า]
– วัยรุ่นจะชอบตั้งคำถามว่า คนทานเจ ทานไวน์ได้ไหม ทานแอลกอฮอล์ได้รึเปล่า ต้องนุ่งขาวห่มขาวไหม คือเขาจะกลัวมากกว่า เพราะมีเรื่องความเชื่อเรื่องศาสนาด้วย และคนทานเจส่วนใหญ่จะเยอะช่วงเทศกาลเท่านั้น
– ถ้าทันสมัยหน่อยเดี๋ยวนี้ก็จะมีบางคนดูสารดีอย่าง The Game Changers มา แล้วก็เข้ามาสนใจอาหาร plant-based มากขึ้น หรือพวก startup ต่างๆ ก็หันมาทำเรื่องนี้มากขึ้น ส่วนบริษัทใหญ่ๆ ที่อยากทำ CSR พวกนั้นเขาก็จะไปเน้นวิถีแบบวีแกนเต็มตัวเลย เพราะมันจะรวมถึงเรื่องสิ่งแวดล้อม สัตว์ ร่างกายมนุษย์ สุดท้ายทุกอย่างมันคือความยั่งยืน (sustainability)
– ทำให้คนที่มาสายวีแกน สังเกตได้เลยว่าเขาจะเป็นคนที่มีความสุขง่าย อย่างลูกน้องเคยทำงานที่ร้านหมูกระทะมาก่อน พอมาทำที่ร้านเราเขาบอกเลยว่า ลูกค้าเราใจดี คือเขาจะรอ จะยิ้ม ได้ของผิดก็จะมาบอกเรานิ่มๆ เพราะเขาอยากให้คนหันมาทานอาหารแบบเขาเยอะๆ อยากให้สัตว์รอดตาย ให้คนมีสุขภาพดีขึ้น พอมันดีต่อกาย ดีต่อใจ เขาก็อิ่มเอมแล้ว และในอนาคตก็เชื่อว่าจะมีวีแกนเพิ่มขึ้นอืก เพราะมันคือความยั่งยืน
Q2: มีใครอีกบ้างที่ทาน plant-based
[คุณจ๋า]
– กลุ่มคนที่แพ้อาหาร แพ้โปรตีน นม ไข่ ก็ต้องมาทาน plant-based ที่ร้านก็จะมีคนอินเดียเยอะด้วย เพราะการทานมังสวิรัติ เป็นศาสนาของเขา
[คุณดาว]
– กลุ่มคนป่วย เป็นมะเร็ง เป็นโรคเรื้อรัง คนกลุ่มนี้เขาจะเชื่อฟังเรา เพราะเขาป่วย แล้วเขาก็อยากป่วยน้อยลง จะได้อยู่ไปได้นานๆ
– คนที่แพ้อาหารแล้วมาเจอร้านแบบเรา เขาก็จะรักเรามาก คือมีคนมาอนุโมทนา สาธุ มาอวยพรเรา มาขอบคุณเรา เพราะมันหาทานยากจริงๆ มันยิ่งทำให้เราอยากทำร้านของเราให้ดีขึ้น เพราะเขามาไว้ใจเรา มาฝากท้องกับเรา
[คุณมายด์]
– กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีจิตใจอยากเปลี่ยนโลกคือ คนที่ได้รับสื่อต่างๆ มาแล้ว มีอุดมการณ์ที่อยากจะทำอะไรซักอย่างให้โลกดีขึ้น อยากลดโลกร้อน แล้วเขาหันมากิน plant-based ไปหาข้อมูลเอง เลือกทานอาหารได้เอง จากคนที่เคยกินมาก่อนแบบเรา พอเห็นแบบนี้แล้วก็รู้สึกชื่นชมมาก แล้วคนพวกนี้ก็ดูจะมีจำนวนเยอะขึ้นเรื่อยๆ เพราะมันเป็นเทรนด์ไปแล้วด้วย
Q3: คนที่เล่นกีฬาทาน Plant-based ได้ไหม
[คุณมายด์]
– เล่นกีฬาทานได้แน่นอน แต่แค่ต้องควรศึกษาก่อนว่าจะกินโปรตีน คาร์โบไฮเดรต จากพืชให้มาทดแทนได้ยังไง ต้องมีการวางแผนที่ดี
– มีงานวิจัยว่าคนที่กิน plant-based แล้วออกกำลังกายจะทำให้มี performance ที่ดีกว่าเดิม เป็นเพราะในพืชต่างๆ มีสารต้านอนุมูลอิสระ และสารต้านการอักเสบ ทำให้เวลาเราออกกำลังกายแล้วเกิดการบาดเจ็บ ก็จะทำให้เรารักษาตัวได้เร็ว พอกลับไปออกกำลังกายแล้วก็ทำให้เราทำได้ดีกว่าเดิม เร็วกว่าเดิม
รายละเอียด
Date: 23 APR 2021 (20:00-21:00)
Speaker:
– คุณดาว: เจ้าของร้าน ต้นกล้า ฟ้าใส
– คุณมายด์: Plant-based dietary
– คุณจ๋า: @Jajah.Veganerie เจ้าของร้าน Veganerie, Veganerie World
Morderator:
– พี (วันนี้สรุป..มา)
#Clubhouse #ClubhouseTH #ClubhouseThailand #WhyItMatters #ทำไมถึงสำคัญ #EP2 #PlantbasedFood #ต้นกล้าฟ้าใส #TonklarFacai #Veganerie #VeganeriWorld #JajahVeganerie #todayinotetoevent #todayinoteto #วันนี้สรุปมา