สรุปประวัติศาสตร์จีน (แบบเข้าใจง่ายๆ)

ความสำคัญ ประวัติศาสตร์จีน

 

สารบัญ

สรุปประวัติศาสตร์จีน ทำไมถึงสำคัญ?

ประวัติศาสตร์จีนคืออะไร

  • จีนเป็นประเทศที่ใหญ่และมีประวัติยาวนานหลายพันปี ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของอารยธรรมมนุษยชาติ ประวัติศาสตร์ก็คือเป็นเรื่องราวของจีนตั้งแต่ยุคแรกเริ่มจนถึงยุคปัจจุบัน
  • ประวัติสากล อารยธรรมของโลกมีอยู่ 5 แห่ง กรีก-โรมัน อียิปต์ เมโสโปเตเมีย อินเดีย และจีน

เล่าประวัติศาสตร์จีน (1/3)

สามเทวราชา ห้าบรรพกษัตริย์

  • จุดเริ่มต้นของแผ่นดินจีนที่เรียกว่า จงกั๋ว มีมนุษย์อาศัยอยู่มานานแล้ว เป็นมนุษย์ยุคหินหรือยุคโลหะ อาศัยอยู่ในแผ่นดินจีนหลายจุด จนเกิดพัฒนาการของตัวอักษร สังคม ระบบชนเผ่า
  • จนมีนักประวัติศาสตร์มาขีดเส้นแบ่งว่าเข้าสู่ยุค Chinese Civilization ยุคแรกที่นักประวัติศาสตร์จีนยอมรับคือ สังคมระบบชนเผ่าที่ยังไม่มีกษัตริย์ แต่ในทางประวัติศาสตร์จีนทั่วไปเรียกว่า “ยุคซานหวงอู่ตี้” (สามเทวราชา ห้าบรรพกษัตริย์) เป็นเหมือนบุคคลบรรพบุรุษของชาวจีนเป็นผู้ริเริ่มอะไรหลาย ๆ อย่าง เช่น ซานหวง ก็มีเสินหนงที่เป็นผู้ริเริ่มการดื่มชาและการใช้สมุนไพร
  • พอมาถึงยุคอู่ตี้ มีบรรพกษัตริย์คนแรกคือ หวงตี้ (Yellow Emperor) หรือจักรพรรดิเหลือง เป็นปฐมกษัตริย์ของชาวจีน จนพอมาถึงบรรพกษัตริย์คนสุดท้ายคือ พระเจ้าซุ่น ก็เกิดอุทกภัย Great Flood ในแผ่นดินจงหยวน (ที่ราบภาคกลางที่อยู่ระหว่างแม่น้ำแยงซีทางใต้กับแม่น้ำฮวงโหทางเหนือ) จนกษัตริย์ซุ่นไม่สามารถจะแก้ไขปัญหาได้ จนมีคนชื่อต้าอวี่ ผู้อาสามาแก้ปัญหาน้ำท่วมได้ มีความดีความชอบสามารถทำระบบชลประทานให้กับชนเผ่ากินดีอยู่ดีได้ ไม่ต้องพะวงกับภัยแม่น้ำฮวงโหท่วม
  • จึงทำให้พระเจ้าซุ่นสละตำแหน่งประมุขให้ต้าอวี่ จนเมื่อต้าอวี่เสียชีวิตลง ลูกชายของต้าอวี่ที่มีชื่อว่าฉี่ จึงเคลมว่าพ่อของตนมีความดีความชอบอย่างใหญ่หลวง อีกทั้งยังเคยเป็นประมุข และเป็นคนที่วางรากฐานจากระบบเผ่ามาเป็นระบบแคว้น โดยมีการแบ่งออกเป็น 9 แคว้น
  • ฉี่จึงเสนอว่าตำแหน่งประมุขควรสืบทอดกันทางสายเลือด เลยเป็นจุดกำเนิดของสังคมศักดินา และเกิดเป็นราชวงศ์แรกคือ ราชวงศ์เซี่ย (มาจากคำว่า ฮว๋าเซี่ย ซึ่งเป็นคำที่คนจีนใช้เรียกตัวเองในยุคแรก)

ราชวงศ์เซี่ย

  • ราชวงศ์เซี่ย มีกษัตริย์ทั้งหมด 17 คน โดยเริ่มนับคนแรกจากต้าอวี่ จากสังคมที่ทุกคนเท่าเทียมกัน เริ่มเข้าสู่การแบ่งชนชั้น เริ่มมีระบบทาส มีขุนนาง พอกษัตริย์อ่อนแอ ขุนนางก็จะเข้ามาชักใยกษัตริย์ ราชวงศ์เซี่ยจะรุ่งเรืองแค่ยุคแรก ๆ ช่วงกษัตริย์ 4-5 คน หลังจากนั้นก็เสื่อมมาตลอดจนถึงคนสุดท้ายคือ พระเจ้าเจี๋ย ที่เป็นทรราชคนแรกของประวัติศาสตร์จีน พระเจ้าเจี๋ยไม่ยอมเชื่อฟังขุนนางดี ๆ สั่งให้ขุนนางขุดบ่อและใส่เหล้า เสพสุขกับบรรดาสนมทั้งหลาย ไม่แยแสความทุกข์ร้อนของประชาชน
  • อาณาจักรเซี่ยก็จะมีแคว้นอื่น ต่างเผ่าพันธุ์ ที่ไม่ใช่ชาวฮว๋าเซี่ยดั้งเดิม ถือว่าเป็นพลเมืองชั้นสองชั้นสามที่อยู่ในจงหยวนมีอยู่หลายเผ่า มีเผ่าเผ่านึงชื่อว่าเผ่าซาง นำโดยคนที่ชื่อ เฉิงทัง มีทาสติดที่นาที่เป็นกุนซือคู่ใจชื่อ อีอิ่น เห็นว่าพระเจ้าเจี๋ยทำตัวเป็นทรราช เราไม่สมควรส่งบรรณาการให้ส่วนกลางต่อไป ซางเดิมทีเป็นแค่เผ่าเล็กๆ แล้วอยู่ใต้เซี่ยมาหลายร้อยปี อยู่ดี ๆ จะมาปลดแอกเลยก็ยากอยู่ แต่สุดท้ายราชวงศ์เซี่ยก็แพ้ภัยตัวเอง แพ้ให้กับเผ่าซาง เฉิงทังเป็นคนที่เริ่มคิดระบบที่เรียกว่าเทียนมิ่ง หรืออาณัติสวรรค์ ที่บอกว่าการสืบทอดกษัตริย์ที่สืบทอดตามราชวงศ์จากพ่อสู่ลูกหลานไปไม่มีวันจบ แล้วสิ่งที่สร้างความชอบธรรมว่าทำไมตระกูลนี้ถึงเป็นเจ้าหรือหัวของคนทั้งแผ่นดินได้ เขาเรียกว่าระบบอาณัติสวรรค์
  • ตระกูลฉันคือตระกูลที่สวรรค์ส่งลงมาปกครอง และฉันอยู่เหนือทุกคน แต่อาณัติสวรรค์ไม่ใช่สิ่งที่จีรังยั่งยืน ถ้ากษัตริย์รุ่นไหนทำตัวไม่ดี ก็จะมีคนอ้างว่าตัวเองได้รับอาณัติสวรรค์คนใหม่มา แล้วบอกว่าฟ้าส่งฉันมาเพื่อจำกัดเธอ และฟ้าให้อาณัติสวรรค์ฉันแทน เฉิงทังก็เป็นคนแรกที่อ้างว่าฟ้าถอดจากราชวงศ์เซี่ยแล้วก็มาให้ราชวงศ์ตัวเองแทนก็คือ ราชวงศ์ซาง

ราชวงศ์ซาง

  • – มีกษัตริย์ทั้งหมด 33 คน วนลูปเดิมเลย ปลายราชวงศ์ซางก็คล้าย ๆ กัน พระเจ้าซางโจ้ว กษัตริย์คนสุดท้ายของราชวงศ์ซาง ถ้าใครเคยอ่านในวรรณกรรมจะมีชื่อว่า เรื่อง ฮ่องสิน หรือถ้าใครรู้จักชื่อต่อไปนี้ ไม่ว่าจะเป็น นางปีศาจจิ้งจอกเก้าห้าง หรือซูต๋าจี่ โจ้วหวาง หรือมีชื่อหนึ่งที่คนคุ้นคือ นาจา ล้วนเป็นตัวละครในวรรณกรรมที่เขียนขึ้นในยุคหลังหลายพันปี แต่แบคกราวน์ก็เซ็ทในราชวงศ์ซางว่ากษัตริย์คนสุดท้ายทำตัวเป็นทรราชไม่ต่างจากราชวงศ์เซี่ยเลย จนกระทั่งมีแคว้นใต้อาณัติของอาณาจักรซางขึ้นมาเทคโอเวอร์เลยเกิดมาเป็นราชวงศ์โจวขึ้นมา

ราชวงศ์โจวตะวันตก

  • – คนที่ล้มราชวงศ์ซางได้เป็นสองพ่อลูกชื่อจีชางกับจีฟา แซ่จี จีชางได้เสียชีวิตไปก่อน จีฟาเลยขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์ของราชวงศ์โจว จะรู้จักในนามของโจวอู่หวัง หรือจิวบู๋อ๋อง เดิมทีตำแหน่งกษัตริย์เรียกว่าตี้หรือเต้ จนกระทั่งในสมัยราชวงศ์ซาง พบอักษรคำว่าหวางคือคำว่า อ๋อง แปลว่าในสมัยซางกษัตริย์จะเรียกว่าอ๋อง แต่ถ้ากษัตริย์เสียชีวิตไปแล้วจะเรียกว่าตี้หรือเต้ ตอนนั้นยังไม่มีฮ่องเต้
  • – ตอนแรกมีคำว่าเทียนมิ่งหรืออาณัติสวรรค์ พระเจ้าโจวอู่หวังได้คิดค้นคำใหม่ขึ้นมาคือคำว่า เทียนจื่อ คือ​ โอรสสวรรค์ (Son of Heaven) เขาให้นิยามไว้ไม่ว่าคุณจะมีชาติกำเนิดจากไหน จากทาส จากราชวงศ์ชั้นสูง หรืออะไรก็ตาม ถ้าสวรรค์ประทานเทียนมิ่งให้คุณแล้ว คุณก็กลายเป็นเทียนจื่อ เป็นเจ้าเหนือหัวของคนทั้งแผ่นดินได้ เพราะเผ่าโจวเดิมทีเป็นแคว้นที่อยู่ใต้อาณัติของอาณาจักรซาง เป็นแคว้นชายขอบแต่สามารถเอาชนะส่วนกลางได้ เปรียบเสมือนคนในเมืองหลวงที่อาจจะสงสัยว่าทำไมอยู่ดี ๆ ให้คนที่อยู่บ้านนอกมาปกครอง จีฟาเลยคิดค้นคำนี้ขึ้นมา
  • – ราชวงศ์โจวเป็นราชวงศ์ที่มีอายุยาวนานที่สุดในจีนคือ 800 ปี แบ่งออกมาเป็นสองยุค คือโจวตะวันตกกับโจวตะวันออก แบ่งโดยยึดที่ตั้งของเมืองหลวง โดยโจวตะวันตก คือตั้งแต่ โจวอู่หวัง จนถึง จีกงเนี่ย (โจวโยวหวัง/จิวอิวอ๋อง) มีทั้งหมด 12 คน มีเมืองหลวงยุคนั้นเรียกว่า เฮ่าจิง ซึ่งปัจจุบันคือซีอาน ยุคนี้คือยุคที่จีนเป็นอาณาจักร (Kingdom) เป็นศักดินา (Feudal) อย่างแท้จริง ซึ่งเรียกว่า เฟิงเจี้ยน โอรสสวรรค์โจวเป็นศูนย์อำนาจส่วนกลาง รัฐบาลราชสำนักอยู่สูงสุด แล้วจะมีการส่งบรรดาเจ้าแคว้นไปปกครองแคว้นต่าง ๆ ที่อยู่ใน Kingdom ซึ่งเจ้าแคว้นก็คือคนที่ร่วมสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่มากับสองพ่อลูกจีฟาง จีชาง ก็ให้ไปเป็นเจ้าแคว้นสืบทอดถึงลูกหลานไม่มีที่สิ้นสุด รวมไปถึงเชื้อพระวงศ์แซ่จีด้วยกันก็ไปเป็นเจ้าแคว้นไป โดยกษัตริย์คืออ๋อง แล้วก็มีตำแหน่งเจ้าแคว้น บรรดาศักดิ์คลาสสิคของจีนก็จะมี กง โหว ป๋อ จื่อ หนัน

ราชวงศ์โจวตะวันออก

  • – เรียกว่ายุคเลียดก๊ก แบ่งเป็นสองยุคย่อยคือชุนชิวกับจ้านกั๋ว ชุนชิว (Spring – Autumn) จ้านกั๋ว (Warring State) กินเวลาถึง 500 ปี เป็นยุคที่กษัตริย์ราชวงศ์โจว ไม่มีอำนาจใด ๆ เป็นเมืองที่โดนรายล้อมโดยบรรดาเจ้าแคว้นที่ตั้งตัวเองเป็นใหญ่
  • – ในช่วงปลายยุคชุนชิวบรรดาเจ้าแคว้นก็เหิมเกริมถึงขนาดตั้งตำแหน่งตัวเองเทียบเท่ากษัตริย์ ขอตั้งตัวเองเป็นอ๋องตาม บุคคลสำคัญในยุคชุนชิวก็จะมีขงจื้อ เล่าจื้อ ซุนวู เกิดขึ้นในยุคนี้หมดเลย
  • – พอเข้าสู่ยุคจ้านกั๋ว จากที่อาณาจักรโจวแตกเป็นเกือบ ๆ ร้อยแคว้น ก็รวมเป็น 7 แคว้น จะมีฉี หาน​ ฉิน เยียน จ้าว เว่ย ฉู่ แล้วก็มีราชวงศ์โจวเป็นติ่งนิด ๆ อยู่ในลั่วหยาง เพราะโจวตะวันตกมีเมืองหลวงอยู่ในซีอาน โจวตะวันออกอยู่ในลั่วอี๋ (ปัจจุบันคือลั่วหยาง)
  • – แคว้นที่เรืองอำนาจแคว้นแรกคือแคว้นเว่ย แล้วก็ถัดมาเป็นแคว้นจ้าว และสุดท้ายแคว้นที่กินรวบรวมทุกแคว้นแล้วรวมตัวเป็นแผ่นดินเดียวกันก็คือแคว้นฉิน รวมไปถึงแคว้นฉินก็เป็นคนที่ทำลายราชวงศ์โจวด้วย ต้นกำเนิดแคว้นฉินมาจากคนขี่ม้า เป็นขุนนาง สารถีธรรมดา มีความดีความชอบในการพากษัตริย์องค์แรกของโจวตะวันออกหลบหนีสมัยยังเป็นรัชทายาท จากการรุกรานของพวกชนเผ่า เนื่องจากโจวตะวันตกเสื่อมอำนาจลง เพราะมีพวกอนารยชนทางตะวันตกที่เรียกว่า เฉวี่ยนหรง มารุกรานที่เฮ่าจิง กษัตริย์จีกงเนี่ยโดนฆ่าตาย แล้วคนที่พารัชทายาทหนีก็คือเจ้าแคว้นฉินคนแรก กษัตริย์โจวทราบซึ้งบุญคุณจึงตั้งให้ว่านับตั้งแต่นี้ไปให้คนแซ่นี้เป็นเจ้าแคว้นฉิน แล้วพอมาถึงรุ่นลูกหลานจึงมาล้มล้างราชวงศ์โจว
  • – ในสมัยเซี่ย ต้าอวี่เป็นคนที่แบ่งจีนเป็น 9 แคว้น เขาเลยสร้างสัญลักษณ์ขึ้นมาอย่างนึงว่าถ้าใครครอบครองสัญลักษณ์นี้คือเป็นเจ้าแผ่นดินไปเลย ซึ่งคือ ติ่ง เป็นกระถางสามขา ซึ่งมี 9 อัน เพราะว่าตอนแรกจงหยวนหรือจีนเป็น 9 แคว้นคือ 9 โจว แต่ละติ่งก็เหมือนตัวแทนที่ปกครองแต่ละแคว้น การมี 9 อัน คือ ฉันเป็นเจ้าของจงหยวน ราชวงศ์โจวล่มสลายเพราะว่ากษัตริย์องค์สุดท้าย พระเจ้าโจวหน่านหวัง กษัตริย์คนที่ 37 (โจวตะวันตกมีกษัตริย์ 12 คน โจวตะวันออกมี 25 คน) ยอมมอบกระถางสามขา 9 อันให้กับเจ้าแคว้นฉิน ก็คือปู่ทวดของจิ๋นซี ราชวงศ์โจวก็เลยจบลง

ราชวงศ์ฉิน

  • – แต่ตอนนั้นยุคจ้านกั๋วก็ยังไม่จบ เพราะแคว้นฉินยังต้องทำสงครามผนวกแคว้นอื่นมา จนมาถึงรุ่นของจิ๋นซีที่สามารถรวบรวม 6 แคว้นที่เหลือเข้ามาเป็นประเทศเดียวกันได้ นักประวัติศาสตร์จีนจึงขีดเส้นแบ่งว่าสมัยเซี่ยซางโจวคือยุค Ancient Kingdom พอเข้าถึงยุคจิ๋นซี คือ ยุคจักรวรรดิ (Imperial China)
  • – จิ๋นซีฮ่องเต้เป็นคนแรกที่ตั้งตัวเองเป็นจักรพรรดิ เพราะตอนแรกกษัตริย์ก็คืออ๋อง เขาเห็นว่าตำแหน่งเจ้าแคว้นก็เป็นอ๋อง เลยคิดค้นคำใหม่ขึ้นมา คำว่าเทียนจื่อในสมัยโจวก็เริ่มใช้ เขาเห็นว่าเขาไม่ควรเป็นแค่โอรสสวรรค์ แต่ควรเป็นเจ้าแห่งสามโลก เจ้าแห่งทุกอย่าง เลยคิดค้นโดยเอามาจากคำว่า ซานหวง อู่ตี้ คำว่าหวงกับตี้มารวมกันเป็นคำว่า หวงตี้ คือคำว่า “ฮ่องเต้” จิ๋นซีฮ่องเต้ก็เลยเป็นฮ่องเต้คนแรกของจีน เป็น The First Emperor บอกได้ว่าเป็นยุคที่มีการรวมอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลางของจีนได้อย่างแท้จริงคือยุค Imperial China คือ ตั้งแต่ประมาณ 220 BC (220 ปีก่อนก่อนคริสต์ศักราช) ราชวงศ์ฉินเกิดแล้ว จากสังคมชนเผ่า มาเป็น Kingdom และกลายเป็น Empire
  • – ราชวงศ์ฉินเป็นราชวงศ์ที่แข็งไม่ยอมอ่อน สุดท้ายก็เลยแพ้ภัยตัวเองและล่มสลายลง หลังจากที่จิ๋นซีรวมประเทศได้ 15 ปี มีฮ่องเต้ 2 คนกับอ๋องอีก 1 คน และก็เข้าสู่ยุคสุญญากาศของจีนเพราะคนที่มามาล้มล้างราชวงศ์ฉินได้มีสองคนคือ หลิวปังกับเซี่ยงอวี่ คนที่มาถึงเมืองหลวงคนแรกคือหลิวปัง แต่หลิวปังมีกองกำลังน้อย เลยรอกองกำลังของเซี่ยงอวี่ ซึ่งพอเซี่ยงอวี่มาถึงเสียนหยางก็คือเมืองหลวงของฉินหรือซีอาน เขาก็เลยทำการแบ่งเค้ก Qin Empire ให้เป็น 18 kingdoms หรือ 18 แคว้น และตั้งตัวเองเป็นมหาราชา ซีฉู่ป้าหวัง มหาราชาแห่งแคว้นฉู่ตะวันตก เราจะคุ้นเคยกันในนามของ ไซฌ้อปาอ๋อง แล้วหลิวปังก็มาเป็นอ๋องที่หนึ่ง อยู่ในฮั่นจง (มณฑลเสฉวนในปัจจุบัน) ซึ่งเป็นที่มาของชื่อราชวงศ์ของหลิวปังด้วย ยุคนี้กินเวลาถึงสี่ปี ในบรรดาอ๋อง 16 คน ตอนแรกก็ยอมสวามิภักดิ์อยู่กับเซี่ยงอวี่หรือฌ้อปาอ๋อง แต่ฌ้อปาอ๋องเขาเป็นทหาร ไม่ใช่นักปกครอง คนเลยตีตัวออกห่างจากฌ้อปาอ๋อง แล้วมาอยู่กับหลิวปัง สุดท้ายหลิวปังก็เป็นฝ่ายกินเรียบทั้งหมด ชนะได้ เลยสร้าง empire ขึ้นมาใหม่ หลังราชวงศ์ฉินล่มสลายไปได้ 4 ปี เนื่องจากเขาเคยเป็นอ๋องที่แคว้นฮั่นจงมาก่อน เลยเอาชื่อฮั่น มาเป็นชื่อราชวงศ์ เลยเกิดเป็นราชวงศ์ฮั่นขึ้นมา

ราชวงศ์ฮั่นตะวันตก

  • – ราชวงศ์ฮั่นถือว่าเป็นราชวงศ์ที่ราษฎรชาวจีน – ฮว๋าเซี่ยให้ความเคารพ ศรัทธา และภาคภูมิใจมาก เลยเปลี่ยนการเรียกตัวเองจากชาวฮว๋าเซี่ยเป็นชาวฮั่นตั้งแต่นั้นมา ราชวงศ์ฮั่นกินเวลาถึง 400 ปี มีการแบ่งออกเป็นตะวันตกกับตะวันออก ตะวันตกมีเมืองหลวงอยู่ที่ฉางอัน (ซึ่งก็คือซีอาน มีหลายชื่อมากตั้งแต่เฮ่าจิง สมัยโจว เสียนหยางสมัยฉิน และฉางอัน สมัยฮั่น) พอฮั่นตะวันออกก็ย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่ลั่วหยาง ซึ่งเวลาก้ำกึ่งระหว่างตะวันตกและตะวันออกกินเวลาถึง 18 ปี เพราะว่าตอนช่วงยุคปลายฮั่นตะวันตกเกิดยุคเสื่อมของราชวงศ์ เป็นยุคฮ่องเต้เด็กและบรรดาญาติของฝั่งไทเฮาก็เริ่มยึดอำนาจขึ้นมา แล้วคนที่มาปลดกษัตริย์คนสุดท้ายของฮั่นตะวันตกก็คือเป็นหลานคนนึงของไทเฮาก็คือ หวังหมั่ง ช่วงปลายฮั่นตะวันตก คนแซ่หวังก็มามีบทบาทในราชสำนักมากขึ้นจนคนแซ่หลิวไม่มีอำนาจซะเอง สุดท้ายก็โดนคนแซ่หวังเทคโอเวอร์เกิดมาเป็นราชวงศ์ซิน ซึ่งแปลว่าใหม่

ราชวงศ์ซิน

  • – หวังหมั่งเป็นฮ่องเต้อยู่ประมาณ 15 ปี แต่เป็นผู้ดีจอมปลอม ตอนที่เขาเป็นขุนนางฮั่น ราษฎรก็ศรัทธาเขา เพราะเขาเหมือนเป็นบุคคลแรก ๆ ที่เอาระบบสังคมนิยมมาใช้ ตอนนั้นการเป็นเจ้าของที่ดินในสมัยฮั่นคือ คนรวยสามารถจับจองที่ดินได้ ซึ่งมันสร้างความเหลื่อมล้ำให้กับชาวบ้านที่ไม่มีที่ดินทำกิน หวังหมั่งเลยมาแก้ไขระบบนี้โดย ถ้าคนจะเป็นเจ้าของที่ดินหลายร้อยพันไร่ต้องจ่ายภาษีให้กับราชสำนัก ถ้าไม่มีปัญญาจ่ายก็ต้องคืนที่ดินให้ราชสำนัก และราชสำนักจะเป็นคนผูกขาดแล้วคอยแจกจ่ายที่ดินให้กับราษฎรที่ไม่มีที่ดินทำกินต่อไป แต่ระบบนี้จะโอเคแค่ช่วงแรก ๆ พอตอนหลังมันสบโอกาสให้กับลูกน้องของหวังหมั่งขูดรีดซะเอง สุดท้ายเลยเกิดกบฏต่อต้านในช่วงปลายราชวงศ์ซิน สุดท้ายคนแซ่หลิวก็สามารถเทคโอเวอร์แผ่นดินจีนกลับมาอีกครั้งนึง แต่สภาพเมืองหลวง ฉางอันหรือซีอานมันพังแล้ว เพราะเกิดสงคราม เลยย้ายเมืองหลวงไปที่ตะวันออก ไปที่ลั่วหยาง เกิดมาเป็นราชวงศ์ฮั่นตะวันออกขึ้นมา

ราชวงศ์ฮั่นตะวันออก

  • – ฮั่นตะวันออกเป็นยุคที่ฮ่องเต้มีอำนาจแค่ 4-5 รัชกาลแรก คนที่สถาปนาราชวงศ์ฮั่นตะวันออกก็คือ หลิวซิ่ว (ฮั่นกองบู๊/ฮั่นกวงอู่ตี้) เป็นคนที่วางรากฐานให้ราชวงศ์ฮั่นมั่นคงมากขึ้น ในสมัยฮั่น จีนเป็นที่รู้จักในสายตาโลกแล้ว มันตรงกับยุค Republic of Roman พวกโรมันก็รู้แล้วว่าทางตะวันออกก็มีประเทศนึงที่เป็นเหมือนอู่ทางวัฒนธรรมเหมือนกัน มีความเจริญอาจจะทัดเทียมกัน เพราะการที่จีนสามารถเดินทางไปทางตะวันตกได้ เส้นทาง Silk Road ก็เกิดขึ้นในสมัยฮั่นตะวันตก ในสมัยฮั่นตะวันออกจีนก็มีการขยายอาณาเขตไปทางเกาหลีและเวียดนาม ในประวัติศาสตร์เกาหลี อาณาจักรแรกของเกาหลีที่เรียกว่า โชซอนโบราณ หรือ โกโชซอน ก็ล่มสลายเพราะว่าราชวงศ์ฮั่นมาเทคโอเวอร์และเปลี่ยนระบบการปกครองให้มีฐานะเป็นแค่จังหวัดหนึ่งของราชวงศ์ฮั่น เวียดนามก็เช่นกัน
  • – ราชวงศ์ฮั่นตะวันออกได้ล่มสลาย เหมือนในเรื่องสามก๊ก เพราะว่าอำนาจของราชวงศ์ฮั่นตะวันออกมีแค่ในช่วงยุคแรกๆ พอยุคหลัง ๆ คือเป็น Child Emperor เป็นยุคที่ฮ่องเต้เด็กปกครอง มีกระทั่ง 3-4 ขวบ ก็จะมีผู้สำเร็จราชการก็คือไทเฮา หรือแม่ตัวเองแท้ๆ ซึ่งไทเฮาก็คือฮองเฮาของฮ่องเต้รัชกาลก่อน ซึ่งฮองเฮาก็ต้องมีญาติ ๆ อยู่แล้ว ก็เลยเอาคนแซ่เดียวกันมาปกครองราชสำนักแทนที่คนแซ่หลิวเดิม ในช่วงฮั่นตะวันออกเป็นยุคที่ขันทีเริ่มมีอำนาจ เกิดการเป็นขั้วการเมืองระหว่างฝั่งพระญาติไทเฮาและฝั่งขันที โดยมีฮ่องเต้อยู่ตรงกลางที่ทำอะไรไม่ได้ เป็นแค่หุ่นเชิด สุดท้ายราชวงศ์ก็เสื่อม ราษฎรทนไม่ไหวเลยก่อกบฏขึ้นมาชื่อ กบฏโพกผ้าเหลือง แม้กบฏจะโดนปราบไปได้ แต่บรรดาขุนศึกที่มาปราบกบฏ เริ่มตั้งตัวเองเป็นใหญ่และแข็งข้อกับส่วนกลาง ทำให้ราชวงศ์ฮั่นจบไป เกิดขึ้นมาเป็นยุคสามก๊ก

เล่าประวัติศาสตร์จีน (2/3)

ยุคสามก๊ก

  • – พวกบรรดาขุนศึกอยากตั้งตนเป็นใหญ่กันหมด สุดท้ายคนที่กินเรียบและอยู่ได้ก็มีแค่สามก๊กคือ วุยก๊กคือก๊กของคนแซ่โจ (โจโฉ) จ๊กก๊กคือก๊กของคนที่อ้างว่าตนเป็นเชื้อพระวงศ์ฮั่น (เล่าปี่) และ ง่อก๊กคือก๊กของคนแซ่ซุน (ซุนกวน) ในกังตั๋งก็เป็นเจ้าอยู่ตอนใต้ของจีน เป็นเหมือนมาเฟียในละแวกนี้อยู่แล้วจึงเกิดขึ้นมาเป็นยุคสามก๊ก
  • – ในวรรณกรรมสามก๊กจนจบเรื่องกินเวลาประมาณ 90 ปี แต่ยุคสามก๊กในประวัติศาสตร์จะมีอายุแค่ 60 ปี เพราะยุคสามก๊กจะเริ่มนับตามราชวงศ์ฮั่นจบลงไปแล้ว ก็คือ โจผี/เฉาพี ลูกคนรองของโจโฉ ปลดพระเจ้าเหี้ยนเต้
  • – จริง ๆ สถานการณ์สามก๊กเกิดขึ้นตั้งนานแล้ว ราชวงศ์ฮั่นอยู่แค่ในนาม จนถึงยุคทายาทคนแซ่สุมา ก็คือสุมาเอี๋ยน เดิมทีสุมาก็เป็นลูกน้องใต้ของก๊กโจโฉ รุ่นของสุมาอี้ก็เป็นลูกน้องของโจโฉมาก่อน เพราะพ่อของสุมาอี้ ซือหม่าฝางเขาเป็นขุนนางที่เคยดูแลโจโฉมาก่อน พอมาถึงรุ่นลูกก็ให้โจโฉมาดูแลลูกเขาบ้าง สุมาอี้เริ่มวางรากฐานให้ลูกเขาสองคนคือสุมาสูและสุมาเจียวมาแผ่อิทธิพลในราชสำนักของวุยก๊กก็คือก๊กของลูกหลานโจโฉ ฮ่องเต้ของก๊กวุยหรือลูกหลานโจโฉมีฮ่องเต้ทั้ง 5 คน แต่ว่าพอมาจบสองคนคือโจผีกับโจยอย รุ่นของฮ่องเต้คนที่ 3 คือพระเจ้าโจฮอง คนแซ่สุมาก็มา เกิดเหตุการณ์การรัฐประหารที่เกาผิงหลิงหรือสุสานเกาผิง เพราะคนแซ่โจชะล่าใจ แล้วคนแซ่สุมาก็มารับราชการทหารแล้วทำการปกครองอาณาจักรแทน ถึงแม้ก๊กวุยจะมีฮ่องเต้ต่ออีกสามคน แต่คนแซ่สุมาวางแผนที่จะเทคโอเวอร์ไว้หมดแล้ว สุดท้ายพระเจ้าโจฮวนที่เป็นฮ่องเต้คนสุดท้ายของวุยก๊กก็ต้องมอบสมบัติให้รุ่นหลานของสุมาอี้ ก็คือสุมาเอี๋ยน
  • – ส่วนจ๊กก๊กมีฮ่องเต้แค่สองคนคือ เล่าปี่กับเล่าเสี้ยน จ๊กก๊กล่มสลายก่อนวุยก๊ก เพราะวุยก๊กส่งแม่ทัพมา ตอนนั้นคนที่เป็นเจ้าของวุยก๊กก็คือพระเจ้าโจฮวน แต่ว่าเป็นฮ่องเต้หุ่นเชิด คนที่ดูแลแผ่นดินจริงๆ ก็คือลูกชายคนรองของสุมาอี้คือ สุมาเจียว สุมาเจียวส่งแม่ทัพสองคนมาคือ เตงงายกับจงโฮย สุดท้ายเล่าเสี้ยนอ่อนแอ เลยยอมมอบแผ่นดินเสฉวนให้ไป จ๊กก๊กโดนวุยก๊กกินก่อน แต่สุดท้ายวุยก๊กเองก็โดนคนแซ่สุมาเทคโอเวอร์และกลายเป็นก๊กจิ้น ก๊กจิ้นก็มาบุกกังตั๋ง เพราะกังตั๋งซึ่งมีฮ่องเต้ทั้งหมด 4 คน ก็อ่อนแอ ฮ่องเต้คนสุดท้ายคือพระเจ้าซุนโฮก็ทำตัวเป็นทรราช สถานการณ์ทุกอย่างมันเอื้อให้ก๊กจิ้นชนะแน่นอน เพราะว่าเล่าเสี้ยนก็อ่อนแอ โจฮองก็เหลวแหลก ซุนโฮก็เป็นทรราช สุมาเอี๋ยนโชคดีมากที่ปู่ พ่อ ลุงวางแผนไว้ให้หมดแล้ว จึงสามารถกินเรียบทั้งหมด แล้วสามารถรวมแผ่นดินที่แตกเป็นสามก๊กกลับมาเป็นปึกแผ่น เป็น empire ได้อีกครั้ง สุมาเอี๋ยนเคยเป็นอ๋องของจิ๋น ก็เลยใช้ชื่อว่าราชวงศ์จิ้น

ราชวงศ์จิ้นตะวันตก-ตะวันออก

  • – ราชวงศ์จิ้นก็แบ่งออกมาเป็นตะวันตกกับตะวันออกเหมือนกัน โดยตะวันตกมีเมืองหลวงอยู่ที่ลั่วหยาง กับตะวันออกเป็นครั้งแรกที่ย้ายไปใต้แม่น้ำแยงซีคือที่ เจี้ยนเย่ หรือ เจี้ยนคัง ก็คือเมืองนานกิงในปัจจุบัน
  • – ยุคนี้เป็นยุคที่พวกชนเผ่าเข้ามามีบทบาทในประวัติศาสตร์จีนอย่างเต็มที่ ทำให้ฮ่องเต้ราชวงศ์จิ้นตะวันตกสองคนสุดท้ายต้องโดนจับเป็นตัวประกัน แล้วโดนประหารชีวิต นักประวัติศาสตร์เลยเรียกยุคระหว่างตะวันตกกับตะวันออกว่า ยุคอู่หูสือลิ่วกั๋ว หรือยุค 5 ชนเผ่า 16 แคว้น 5 ชนเผ่าก็จะมีคนเถื่อนทางเหนือ ตะวันตกกับตะวันออก มีเผ่าซยงหนู เผ่าเซียนเปย เผ่าตี เผ่าเจี๋ย และเผ่าเชียง
  • – เผ่าซยงหนู ใครที่เคยไปเมืองจีนจะมีสถาปัตยกรรมนึงที่ยาวที่สุดในโลกคือ กำแพงเมืองจีน สิ่งนี้สร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันเผ่าซยงหนูเข้ามารุกรานในจงหยวน สุดท้ายเผ่าซยงหนูสามารถล้มล้างจิ้นตะวันตก จับฮ่องเต้นสองคนสุดท้ายไปเป็นตัวประกัน และประหารชีวิตที่นั่น
  • – เผ่าเซียนเปย เครื่องแต่งกายเรียกว่า หยวนหลิ่งผาว เป็นเสื้อคลุมยาวๆ เป็นชุดที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากชุดขี่ม้าของชาวเซียนเปย คือชุดของฮ่องเต้ราชวงศ์ถัง ฮ่องเต้ราชวงศ์ซ่ง ชุดขุนนางสมัยหมิง และชุดศักดินาของคนเกาหลี รวมถึงปัจจุบันนี้ยังสามารถพบได้อยู่คือ ชุดของจักพรรดิญี่ปุ่น ได้รับอิทธิพลไปด้วย ถ้าอิงตามตำนานที่ดังที่สุด มู่หลาน ไม่ใช่คนจีน แต่เป็นชาวเซียนเปย
  • – เผ่าตีเป็นพวกโปรโตทิเบตที่พูดภาษาตระกูลเติร์ก เผ่าเจี๋ยเป็นสายเติร์ก ที่เข้ามาในแผ่นดินจีนอยู่ช่วงเวลานึง สุดท้ายคือเผ่าเชียง ปัจจุบันคือทางตะวันตกของจีน เป็นเขตปกครองพิเศษ ทิเบตสืบเชื้อสายมาจากเผ่าเชียง
  • – ราชวงศ์จิ้นมีฮ่องเต้ทั้งหมด 16 คน เกิดอีกเหตุการณ์สำคัญในยุคนี้คือยุคกบฏ 8 อ๋อง กินเวลาถึง 16 ปี คืออ๋องแซ่สุมาทำสงครามแย่งชิงความเป็นใหญ่ เพราะส่วนกลางอ่อนแอ ฮ่องเต้คนที่ถัดจากสุมาเอี๋ยนก็คือสุมาจงหรือจิ้นฮุ่ยตี้ เป็นฮ่องเต้ปัญญาอ่อน
    พวกอ๋อง 8 คนเขามีการชักศึกเข้าบ้าน อยู่ดี ๆ พวกอยู่นอกด่าน 5 เผ่า ก็ถูกเชิญเข้ามาร่วมกีฬาแย่งชิงบัลลังก์ พอจบกบฏ 8 อ๋อง ราชสำนักจีนเสื่อมถอยอย่างชัดเจน แต่พวกนอกด่านเขาซึมซับวัฒธรรมของชาวฮั่นมาตลอด เลยเห็นว่าชาวฮั่นอ่อนแอ เลยไล่ตะเพิดชาวฮั่นออกไป ทำให้ต้องย้ายลงไปอยู่ใต้แม่น้ำแยงซี

ยุคราชวงศ์เหนือ-ใต้

  • – พอจบจิ้นตะวันออกคนที่มายึดอำนาจต่อก็คือคนแซ่หลิว คนแซ่หลิวก็คือคนที่โดนคนแซ่โจวยึดอำนาจ คนแซ่โจวก็โดนคนแซ่สุมายึดอำนาจต่อ สุดท้ายคนที่มายึดอำนาจแซ่สุมาก็คือแซ่หลิว ซึ่งคนที่ชื่อหลิวอวี้ อ้างว่าตัวเองเป็นลูกหลานของหลิวปัง ฮ่องเต้ของฮั่น หลิวอวี้ปลดฮ่องเต้คนสุดท้ายคือจิ้นกงตี้ ให้มีบรรดาศักดิ์แบบลอย ๆ แล้วก็ไล่ตะเพิดออกนอกเมืองหลวงไป จึงเกิดขึ้นมาเป็นราชวงศ์หลิวซ่ง
  • – เหนือแม่น้ำแยงซีขึ้นไปมีทั้งหมด 16 แคว้น ก็จะมีเผ่านึงมารวมเป็นอาณาจักรเดียวกันก็คือชาวเซียนเปย เป็นราชวงศ์ใหม่คือราชวงศ์เว่ย นักประวัติศาสตร์จีนจึงเรียกยุคนี้ว่ายุคหนานเป่ยเฉา หรือราชวงศ์เหนือ – ใต้ เป็นยุคที่จีนแยกเป็นเหนือใต้ชัดเจน ใต้แม่น้ำแยงซีคือราชวงศ์ของชาวฮั่น ทางเหนือในจงหยวนคือราชวงศ์ของชาวต่างชาติคือชาวเซียนเปย
  • – คนที่มารวมจีนให้เป็นปึกแผ่นอีกครั้งคือชาวฮั่นที่มีเชื้อสายชาวเซียนเปยก็คือ คนแซ่หยาง เดิมทีคนแซ่หยางที่ชื่อว่า หยางเจียน เป็นแม่ทัพของราชวงศ์ฝ่ายเหนือ ราชวงศ์ฝ่ายเหนือไม่ได้มีแค่ราชวงศ์เว่ย ราชวงศ์สุดท้ายของฝ่ายเหนือคือ ราชวงศ์โจว (เป่ยโจว/โจวเหนือ) หยางเจียนเป็นแม่ทัพที่รับใช้ให้ราชวงศ์เป่ยโจว แล้วพอเห็นว่าราชวงศ์เป่ยโจวอ่อนแอ เลยทำการรัฐประหาร ยึดอำนาจตัวเองเป็นฮ่องเต้ซะเอง ฝ่ายใต้นอกจากหลิวซ่งแล้ว ก็จะมีราชวงศ์เหลียง ราชวงศ์เฉิน ฮ่องเต้ราชวงศ์เฉินทำตัวเป็นทรราช ประชาชนสาปแช่ง แล้วก็เสื่อมอำนาจไปเอง หยางเจียนที่สามารถตั้งอาณาจักรของตัวเองได้ เลยแผ่ขยายลงใต้ จนสุดท้ายจึงสามารถรวมแผ่นดิน ราชวงศ์เหนือใต้ให้กลับมาเป็น Empire ได้อีกรอบนึง ในนามของราชวงศ์สุย

ราชวงศ์สุย

  • – ราชวงศ์สุยมีฮ่องเต้ทั้งหมดสามคน เริ่มจากคนแรกคือหยางเจียน (สุยเหวินตี้) แม้จะมีเวลาแค่ 50 ปี แต่สร้างรากฐานให้กับจักรวรรดิจีนได้ไปจนถึงราชวงศ์ชิง อย่างนึงคือระบบราชการของราชสำนัก Central Admistration ระบบราชการในสมัยฉิน ฮั่นใช้ยาวมาถึงก่อนสุย เรียกว่า ซานกงจิ่วชิง ซานกง คือ มหาเสนาบดี จิ่วชิงคือเก้ากระทรวง ใช้มาตั้งแต่สมัยฮั่น พอมาถึงยุคสุยเหวินตี้ เขาเปลี่ยนใหม่เรียกว่าระบบ ซานเสิ่งลิ่วปู้ สามสำนัก หกกระทรวง ก็จะมีสำนักเสนาบดี สำนักพระราชวัง และสำนักที่ปรึกษา แล้วมีหกกระทรวง ใช้ยาวถึงราชวงศ์ชิง
  • – การสอบจอหงวนก็เกิดขึ้นแรกในยุคสมัยนี้ เพราะการเลือกขุนนางจีนในยุคโบราณตั้งแต่สมัยฮั่นเรียกว่าระบบเซี่ยวเหลียน สุจริตกตัญญู คือ ส่วนกลางจะอนุญาตให้ส่วนภูมิภาคคัดเลือกคนที่ผ่านคุณสมบัติของขงจื๊อ เป็นคนที่ภักดีต่อประเทศ กตัญญูต่อบิดามารดาและยึดมั่นในคำสอนของขงจื๊อซึ่งตอนนั้นเป็นลัทธิหลักของประเทศ จะมีช่องโหว่ว่าคนที่ส่วนภูมิภาคคัดมาเป็นคนดีจริงไหม เพราะมันนามธรรมมาก คัดเสร็จแล้วก็ส่งให้ส่วนกลางคัดทางด้านวิชาการ โจโฉก็เคยผ่านระบบนี้มาจนเป็นมหาดเล็กในวังแล้วค่อยไต่เต้าจากขุนนางชั้นน้อยมาเป็นชั้นสูง หลายคนก็ผ่านระบบนี้มา
  • – จนราชวงศ์สุยมาใช้ระบบสอบที่ชื่อว่า เคอจวี่ คำว่าจอหงวนแปลว่าคนที่ได้แรงค์หนึ่ง คือ การสอบเคอจวี่มีหลายระดับ ตั้งแต่คนที่เรียนระดับขั้นพื้นฐานที่สามารถท่องตำราของขงจื๊อได้ทั้งหมด จนจบการศึกษาเป็นบัณฑิต ระดับอำเภอ ระดับมณฑล จนระดับส่วนกลางที่เรียกว่าจิ้นซื่อคือการสอบครั้งสุดท้าย ซึ่งการสอบจิ้นซื่อคือการสอบในวัง คนที่สอบจิ้นซื่อได้แรงค์หนึ่งคะแนนสูงสุดจะเรียกว่าจอหงวน คนที่จะเป็นจอหงวนคือฮ่องเต้เป็นคนคัดเลือกเอง การสอบให้ลองเขียนว่าหลักการที่ขุนนางจะใช้ปกครองประเทศคือควรทำยังไง ซึ่งฮ่องเต้เป็นคนออกข้อสอบและตรวจเอง ซึ่งเริ่มในสมัยรางวงศ์สุย คนที่เริ่มคือลูกชายของหยางเจียนที่ชื่อว่า หยางก่วง คือสุยหยางตี้ ที่เรารู้จักว่าเป็นฮ่องเต้ทรราช เพราะเป็นคนทำให้ราชวงศ์สุยเสื่อมถอย วีรกรรมใหญ่ก็คือการฆ่าพ่อตัวเองเพื่อขึ้นชิงบัลลังก์
  • – เมื่อสุยหยางตี้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ก็หมุกหมุ่นแต่อยู่กับสุรานารี ระบบฝ่ายในที่มีมเหสี มีสนมหลายขั้น คนที่ตั้งก็คือสุยหยางตี้เอง เป็นคนที่บ้าตัณหามาก สร้างความโกรธแค้นให้ราษฎร แต่กลับสร้างประโยชน์ให้ชาวจีนในยุคหลัง เพราะว่าทางตอนเหนือแม่น้ำฮวงโหและใต้แม่น้ำแยงซี มันไม่สามารถไปมาหาสู่กันได้อย่างสะดวก สุยหยางตี้เลยทำการเกณฑ์ราษฎรไปขุดคลอง เรียกว่า ต้าอวิ้นเหอ เป็นคลองที่เชื่อมต่อระหว่างต้าซิ่งลงแม่น้ำแยงซี ทำให้ราษฎรชาวจีนต้องล้มตายไปมหาศาลกับการขุดคลองนี้ นอกจากนี้สุยหยางตี้ต้องการประกาศศักดาว่าจักรวรรดิสุยเป็นจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ของโลก โดยการไปบุกเกาหลี​ ซึ่งตอนนั้นเกาหลีคือยุคสามก๊กของเกาหลีเหมือนกัน ก็จะมีโกกรูยอ แพคเจ ชิลลา ก๊กที่อยู่ใกล้กับจีนที่สุดก็คือโกกรูยอที่อยู่ใกล้เกาหลีเหนือ สุยหยางตี้สั่งเกณฑ์ชาวบ้านไปรบที่โกกรูยอสามครั้ง แพ้สามครั้งรวด ทำให้คนตายมากมาย ราชวงศ์สุยเริ่มเสื่อมอำนาจ ชาวบ้านก็เลยทำการก่อกบฎซึ่งมีหลายก๊กมาก ๆ สุดท้ายคนที่มาทำการเทคโอเวอร์ราชวงศ์สุยใหม่ได้คือราชวงศ์ถัง ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นเครือญาติกัน สุดท้ายเปลี่ยนแซ่จากแซ่หยางก็มาเป็นแซ่หลี่ ก่อนที่ฮ่องเต้ราชวงศ์ถังที่ชื่อว่า หลี่ยวน จะขึ้นเป็นฮ่องเต้ เขาเคยแต่งตั้งฮ่องเต้ตัวแทนมาก่อนคือสุยกงตี้ แต่อยู่ได้ไม่กี่เดือนก็ปลด และขึ้นเป็นฮ่องเต้แทน เลยเกิดขึ้นมาเป็นราชวงศ์ถัง

ราชวงศ์ถัง

  • – ฮ่องเต้คนแรกคือ หลี่ยวน หรือถังเกาจู่ จนมาถึงรุ่นลูกชายคือ หลี่ซื่อหมิน ซึ่งเป็นลูกชายคนรอง ชื่อว่า ถังไท่จง เป็นคนที่วางรากฐานให้จักรวรรดิถัง เป็นยุคทองของจีน เพราะตอนนั้นทางตะวันตกก็จะมีอาณาจักรอิสลาม มีจักรวรรดิไบแซนไทน์ ทางตะวันออกก็มีราชวงศ์ถัง เลยเกิดความเป็นภาคภูมิใจบนความเย่อหยิ่งว่าจีนเป็นชาติที่ยิ่งใหญ่ของโลก ฉันเป็น emperor of the world คนอื่น ๆ เป็นแค่กษัตริย์ เป็นแค่อ๋อง
  • – ในราชวงศ์ถัง จะมีฮ่องเต้ผู้หญิงคนแรกและคนเดียวในประวัติศาสตร์จีนก็คือพระนางบูเช็กเทียน แม่ของบูเช็กเทียนเป็นองค์หญิงของราชวงศ์สุย พ่อเป็นขุนนางลูกน้องของหลี่ยวน บูเช็กเทียนถูกเกณฑ์ไปเป็นนางสนมของฮ่องเต้ถังไท่จง ซึ่งตำแหน่งแรกคือตำแหน่งไฉเหริน คือสนมขั้นสอง ค่อย ๆ ไต่เต้าจนขึ้นมาเป็นชายา และเกิดเรื่องคือลูกชายคนที่เก้าของถังไท่จงที่เกิดจากจ่างซุนฮองเฮาชื่อว่า หลี่จื้อ มีจิตพิสวาสกับบูกเช็กเทียนเลยเกิดเรื่องอื้อฉาว หลังจากพ่อเสีย ตามกฎมณเฑียรบาลของราชวงศ์ถัง สนมที่ไม่มีลูกก็ต้องออกบวชนางชี หลี่จื้อจึงไปตามหาบูเช็กเทียนซึ่งอยู่ในสถานะนางชีให้กลับเข้าวังมาใหม่และตั้งเป็นฮองเฮา แต่ก่อนหน้านั้นหลี่จื้อ (ถังเกาจง) ก็มีฮองเฮามาก่อน แต่หลี่จื้อก็ปลดและตั้งบูเช็กเทียนเป็นฮองเฮาแทน บูเช็กเทียนก็เริ่มสร้างบารมีของตัวเองเพราะหลี่จื้อก็อ่อนแอ เวลาตรวจราชกิจก็ทำร่วมกันตลอด จนตั้งตัวเองเป็นฮ่องเต้หลังจากสามีเสียชีวิต
  • – ถังเกาจังมีลูกที่โดดเด่นอยู่สองคน เป็นฮ่องเต้ต่อจากเขาคือถังจงจงกับถังรุ่ยจง หลังจากบูเช็กเทียนครองราชย์อยู่ 15 ปีจึงยกตำแหน่งให้ลูกคืน ตลอด 15 ปีที่บูเช็กเทียนขึ้นเป็นฮ่องเต้ ราชวงศ์ถังเจริญก้าวหน้าอย่างมาก ตอนแรกที่จีนใช้ขงจื้อ บูเช็กเทียนได้นำศาสตร์เต๋าเข้ามาผสม แต่พอลูกชายขึ้นมาก็ค่อนข้างเหลวแหลก จนมาถึงรุ่นหลานคือ หลี่หลงจี หรือถังเสวียนจง ถือว่าเป็นยุคทองยุคสุดท้ายของราชวงศ์ถัง ตอนถังเสวียนจงขึ้นครองราชย์ได้แผ่ขยายอำนาจจนแม้กระทั่งเผ่าเติร์กยังยอมสวามิภักดิ์อยู่กับจีน เขตการปกครองของราชวงศ์ถัง ส่วนกลาง คือ นครฉางอาน ชายแดนมีเขตปกครองพิเศษให้ดูแลกันเอง แต่ต้องส่งส่วยและมีข้าหลวงจากฉางอางไปดูแล พวกเผ่านอกด่านที่ยอมสวามิภักดิ์เพราะว่าราชวงศ์ถังยังดี แต่พอถึงยุคปลายราชวงศ์เกิดเหตุการณ์ถังเสวียนจงได้แย่งเมียของลูกชายตัวเอง เป็นชายาของอ๋องคนนึงคือ หยางกุ้ยเฟย ทำให้ราชวงศ์ถังเสื่อมลง ชาวเปอร์เซียก่อกบฏ ทำให้จบความรุ่งเรืองของราชวงศ์ถัง ถึงจะมีฮ่องเต้ต่อสิบกว่าคน แต่ถัดจากนี้คือเสื่อมหมดแล้ว
  • – ในสมัยถังเสวียนจงมีการจัดตั้งระบบมณฑลทหารเรียกว่า “เจี๋ยตู้สื่อ” ซึ่งอยู่ยาวถึงยุคมองโกลปกครองจีน ระบบนี้เป็นเหมือนดาบสองคมเพราะส่วนกลางจะส่งแม่ทัพที่ไว้ใจไปเป็นเจ้าในส่วนภูมิภาค สุดท้ายระบบนี้กลับมาทำลายราชวงศ์ถังเอง เพราะราชวงศ์ถังล่มสลายด้วยเจี๋ยตู้สื่อคนนึงก็คือ จูเวิน จูเวินตั้งตนเป็นฮ่องเต้แทน จีนก็เข้าสู่ยุคแตกแยก ยุคอู่ไต้สือกั๋ว (5 ราชวงศ์ 10 แคว้น) กินเวลาหลายสิบปี จนมี เจี๋ยตู้สื่อ คนใหม่มารวมแผ่นดินชื่อว่า จ้าวควงอิ้น ตั้งราชวงศ์ขึ้นมาใหม่คือราชวงศ์ซ่ง

เล่าประวัติศาสตร์จีน (3/3)

ราชวงศ์ซ่งเหนือ-ใต้

  • – แบ่งเป็นซ่งเหนือ มีเมืองหลวงใหม่คือ ตงจิง บุคคลสำคัญคือในยุคนี้มีเปาบุ้นจิ้น เหตุการณ์กบฏฟางล่าซึ่งเป็นที่มาของนวนิยายจีนชื่อดัง 108 ผู้กล้าเขาเหลียงซาน นักประวัติศาสตร์ให้นิยามยุคนี้ว่าเป็น Renaissance of China มีการฟื้นฟูศิลปวิทยาการที่แตกแยกตั้งแต่ปลายราชวงศ์ถัง มีการคิดค้นนวัตกรรม เช่น ธนบัตร เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกของโลก ระบบการพิมพ์ รวมถึงการเมืองที่เคยใช้ขงจื๊อกับเต๋า มายุคนี้มีการปรับปรุงขงจื๊ออย่างเข้มข้นเป็น Neo ขงจื้อ การสอบจอหงวนในสมัยนี้จะเปิดกว้างขึ้นมากกว่าสมัยราชวงศ์สุยที่จำกัดแต่คนที่มีฐานะอยู่ใกล้เมืองหลวง ชาวนาอยู่ห่างไกลก็สามารถมาสอบได้
  • – ราชวงศ์ซ่งเป็นยุคที่ศิลปะเฟื่องฟูมาก แต่การทหารค่อนข้างอ่อนแอ บวกกับการที่ราชวงศ์ซ่งยังคงใช้ระบบเจี๋ยตู้สื่อ ทำให้อำนาจทหารส่วนกลางยิ่งอ่อนแอ ทำให้จากสมัยถังที่มองตัวเองเป็น emperor of the world สมัยซ่งมองกษัตริย์ชาติอื่นทัดเทียมกับฮ่องเต้แล้ว มีอาณาจักรสำคัญอยู่สองที่คือ ตอนเหนือมีชาวชี่ตัน (ราชวงศ์เหลียว) ทางตะวันตกมีซีเซี่ย (มีบรรพบุรุษร่วมกันกับชาวทิเบต) ตอนหลังราชวงศ์เหลียวถูกพวกกิมก๊กตีแตกไปทางตะวันตก คำว่าชี่ตันเลยเป็นที่มาของคำว่า Cathay ชาวกิมก๊กเรียกว่าชาว หนวี่เจิน กลุ่มนี้อาศัยอยู่แถวภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนที่อยู่ใกล้เกาหลี เรียกว่าดินแดนแมนจูเลีย เป็นบรรพบุรุษของชาวแมนจู
  • – พอราชวงศ์ซ่งเหนือถูกพวกกิมก๊กตีแตก เลยย้ายเมืองหลวงมาอยู่ที่เมืองหลินอัน หรือว่าหางโจวในปัจจุบัน เกิดเป็นรางวงศ์ซ่งใต้ และสุดท้ายซ่งใต้ก็ล้มสลายลงโดยจักรวรรดิมองโกลของเจงกิสข่านและลูกหลาน สุดท้ายคนที่ล้มซ่งใต้ก็คือหลานของเจงกิสข่านคือกุบไลข่าน เลยเกิดเป็นราชวงศ์หยวน

ราชวงศ์หยวน

  • – เป็นยุคแรกที่ชาวต่างชาติมาปกครองจีนทั้งประเทศ แต่พอจบรุ่นกุบไลข่านก็แย่ เพราะมองโกลเป็นนักรบไม่ใช่นักปกครอง แม้จะมีฮ่องเต้ต่ออีกสิบคน แต่ราชวงศ์หยวนมีอายุแค่ 89 ปี คือมีการแก่งแย่งชิงอำนาจกันอย่างรุนแรง สุดท้ายชาวฮั่นก็มาทวงแผ่นดินคืนโดยคนแซ่จู คนที่จะมาเทคโอเวอร์ขับไล่ชาวมองโกลกลับขึ้นเหนือไปคือ ราชวงศ์สุดท้ายของชาวฮั่น ก็คือ ราชวงศ์หมิง ตั้งแต่ปี 1368-1644

ราชวงศ์หมิง

  • – มีสถาปัตยกรรมที่ฝากไว้กับโลกนี้คือ กำแพงเมืองจีนด่านซานไห่ที่ยาวลงทะเล ถูกสร้างในสมัยนี้ วังต้องห้ามก็ถูกสร้างในสมัยนี้เช่นกัน แต่สุดท้ายเกิดกบฎชาวนาต่อต้านคนแซ่จู ซึ่งนำโดยชาวนาที่ชื่อว่า หลี่จื้อเฉิง สามารถล้มล้างราชวงศ์หมิงได้ ซึ่งฮ่องเต้คนสุดท้ายคือจูโหยวเจี่ยนหรือฮ่องเต้ฉงเจิน ต้องหนีออกจากวังและผูกคอตาย หลี่จื้อเฉิงก็สั่งให้เผาวังจนไม่เหลือเลย ช่วงนั้นเนื่องจากราชวงศ์หมิงทำตัวแย่มาก นอกจากชาวนา ก็มีชนเผ่าลุกขึ้นต่อต้านคือชาวจูรเชินหรือชาวแมนจู แต่ราชวงศ์หมิงเกิดล่มไปก่อน สุดท้ายเลยกลายเป็นศึกระหว่างชาวแมนจูที่เข้ามาจากซานไห่กวนมาเจอกับกลุ่ม กบฏหลี่จื้อเฉิง จนราชวงศ์แมนจูก็สามารถเทคโอเวอร์จีนได้อีกรอบนึงเข้าสู่ยุคราชวงศ์ต่างชาติสุดท้ายของจีนก็คือราชวงศ์ชิง

ราชวงศ์ชิง

  • – มีนโยบายที่ไม่โอเคเลยคือ นโยบายปิดประเทศ เพราะจีนตั้งแต่สมัยฮั่นจนหมิงมีการเปิดประเทศมาตลอด มีการรับชาวต่างชาติหรือส่งกองเรือ แต่พอมายุคชิงปิดประเทศ สุดท้ายตอนช่วงปลายราชวงศ์เลยเผชิญกับการรุกรากจากจักรวรรดินิยม ศักดินาไม่ยอมปรับตัวสุดท้ายเลยพ่ายแพ้ไป พวกจักรวรรดินิยมนอกจากจะเข้ามารุกรานแล้วยังนำวิทยาการ องค์ความรู้ นำศาสตร์ต่างๆ เข้ามาสู่แผ่นดินจีน ทำให้ชาวจีนรู้จักโลกภายนอกมากขึ้น และเห็นว่าสังคมศักดินาที่อยู่มาตลอด 2,000 ปี มันเก่าแก่คร่ำครึเกินไปแล้ว สมควรที่จะกำจัดทิ้ง จึงมีกระแสปฏิวัติขึ้นในช่วงปลายราชวงศ์จึงจบระบบฮ่องเต้ลง

จีนยุคใหม่ จีนสมัยใหม่

  • – พอจบราชวงศ์ชิงก็เข้าสู่ยุค​​สาธารณรัฐจีน (Republic of China) ยุคที่ขุนศึกอยากแย่งชิงความเป็นใหญ่ เป็นยุคประธิปไตยบนจีนแผ่นดินใหญ่ เพราะก๊กมินตั๋งหรือพรรคที่สามารถล้มล้างราชวงศ์ชิงได้ ไม่มีปัญญาพอที่จะควบคุมบรรดาขุนศึกได้ จนสุดท้ายหลังสงครามโลกครั้งที่สองได้สี่ปี คนแซ่เหมา เหมาเจ๋อตงก็สามารถทำสงครามเอาชนะพวกก๊กมินตั๋งได้จนหนีไปไต้หวัน จนเข้าสู่ยุคจีนแดงหรือสาธารณรัฐประชาชนจีน (People’s Republic of China) ยาวมาถึงปัจจุบัน ก่อนที่จีนแดงจะผงาดขึ้นมาเป็นยุคเหมาที่วัฒนธรรมของจีนถูกเปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก เกิดเหตุการณ์ปฏิวัติวัฒนธรรม เป็นยุคที่เกิดภัยอดอยากครั้งใหญ่ในจีน ลูกหลานจีนที่อพยพมาในไทยยุคสุดท้ายก็คือยุคเหมา จีนก็ค่อย ๆ พัฒนาขึ้นมาจนเป็นผู้นำของโลกจนมายุคเติ้งเสี่ยวผิงที่มีการเปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจของจีน และจีนได้พัฒนาแบบก้าวกระโดดจนถึงปัจจุบัน

คำแนะนำสำหรับคนที่อยากเริ่มศึกษาประวัติศาสตร์จีน

  • – ถ้าอยากรู้แบบเจาะลึกจริงๆ แนะนำให้ไปเรียนภาษาจีนก่อน ถ้าอ่านของจีนแล้วยังไม่พออาจจะลองไปหาอ่านของฝั่งตะวันตก มีมหาลัยอย่างพวก Oxford, Cambridge, Havard เป็นแหล่งที่มีความน่าเชื่อถือ
  • – ถ้าแค่เริ่มต้นอาจจะเริ่มที่นิยาย แต่ต้องใช้วิจารณญาณด้วยว่าอันไหนสมเหตุสมผลหรือไม่
  • – มีพงศาวดารจีนที่แนะนำคือ เอ้อร์สือซื่อสื่อ (พงศาวดารจีน 24 ราชวงศ์) เป็นเล่มที่ต้องอ่านจากจุดนี้แล้วคอยไปลง detail (เป็นภาษาจีนไม่มีแปลเป็นไทย)
  • – Cambridge History of China มีประมาณ 15 เล่ม

 สรุป ฝากส่งท้ายเกี่ยวกับประวัติศาสตร์จีน

  • – จีนก็เป็นประเทศหนึ่งในโลกนี้และเป็นเพื่อนบ้านของเรา หลายคนก็มีเชื้อสายจีน เป็นประเทศที่มีประวัติน่าสนใจ ยาวนานมาโดยตลอด เป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญที่หล่อหลอมมนุษยชาติให้มาถึงทุกวันนี้ได้ เราอย่าเพิ่งไปฟังวาทกรรมและเกิดความเกลียดชังโดยที่ไม่มีการเรียนรู้ ถ้าเราเลือกที่จะชอบหรือเกลียดใครเราควรเรียนรู้ภูมิหลังของพวกเขาก่อนที่จะไปตัดสินเขา อันนี้หมายถึงในทุกอย่างเลย
  • – ฝากเพจชื่อ Jamez Wenzong 文宗 สามารถไปติดตามได้ และมีช่อง Youtube ชื่อ Jamez Taizong หรือสามารถ search ชื่อรายการ “เรื่องจีนถามเจมส์” เลยก็ได้


รายละเอียด

Date: 1 Dec 2021 (21:00-23:00)

Speaker:
คุณเจมส์ ศุภากร สุวรรณพิพรรธ
– เจ้าของพอดแคสต์ “เรื่องจีนถามเจมส์”
– เจ้าของเพจ Jamez Wenzong 文宗
– ผู้เข้าแข่งขันแฟนพันธุ์แท้ ราชวงศ์จีน (2013)

Moderator: พี พนิต (วันนี้สรุป..มา)


#ClubhouseTH #ทำไมถึงสำคัญ #ประวัติศาสตร์จีน #ราชวงศ์จีน #เรื่องจีนถามเจมส์ #historyofchina #todayinotetoevent #todayinoteto #วันนี้สรุปมา