สรุปสั้น
1. ดิสนีย์ คือ บริษัทที่ผลิตสื่อมากมายทั้งการ์ตูน แอนิเมชั่น ช่วงหลังๆ ก็มีขยายพอร์ตทั้ง Marvel, Star Wars ก็ค่อนข้างเยอะแยะมาก
2. ดิสนีย์เป็นทุกๆ อย่างสำหรับคุณพลอย คุณพลอยเติบโตขึ้นมากับดิสนีย์ตั้งแต่สโนวไวท์ ดูมาหลากหลายเรื่อง
3. ดิสนีย์แบ่งออกมาเป็นหลากหลายทั้งตัว ดิสนีย์คลาสสิค, Star Wars, Marvel, 2D/3D
4. ดิสนีย์เป็นสื่อที่สร้างความบันเทิง สร้างแรงบันดาลใจ ให้ความสนุกสนาน มีเรื่องราวสอดแทรก ข้อคิดแฝงอยู่เสมอๆ เป็นโลกมายาคติที่ถ้าทุกคนดูแล้วเชื่อในสิ่งที่ดิสนีย์ทำ แล้วเราสามารถทำให้โลกเป็นแบบนั้นได้ โลกนี้ก็จะสวยงามยิ่งขึ้น
5. ทุกคนสามารดูดิสนีย์ได้ สามารถเลือกได้ทุกสื่อ ถ้าไม่ชอบเจ้าหญิง ไปดูเป็นมิกกี้เม้าส์ หรือชอบเรื่องแนวที่สอดแทรกความคิดก็จะแนะนำ Pixar ถ้าชอบไซไฟก็ไปแนว Star Wars มีเนื้อหาที่หลากหลาย ดิสนีย์เดี๋ยวนี้ไม่ได้มีแค่เจ้าหญิง คนชอบดิสนีย์สมัยนี้ อาจจะรวมหมายถึงสาย Marvel สาย Starwars หรืออย่างพวกเจ้าหญิงเองผู้ชายก็ชอบได้ ไม่ใช่เรื่องแปลก
1. Disney คืออะไร?
– Disney คือ ถ้ามองในเรื่องฝั่งของการตลาด ดิสนีย์ก็เป็นเหมือนบริษัท บริษัทหนึ่งที่เขาจะผลิตแอนิเมชั่น ภาพยนตร์ สินค้าต่างๆ ที่ครอบคลุมทุกเพศทุกวัยตั้งแต่เด็กยันผู้ใหญ่
– ถ้าสำหรับพลอย ดิสนีย์เป็นเหมือนทุกๆ อย่างสำหรับพลอย ถ้าไม่ได้ดิสนีย์นี่เรานึกภาพไม่ออกเลยว่าเราจะเป็นยังไง เพราะเราโตมากับดิสนีย์เรื่องแรกที่เราดูคือ สโนไวท์ เราชอบแต่งตัวเป็นสโนไวท์ตั้งแต่เด็กๆ และโตขึ้นมากับการ์ตูนดิสนีย์ จนทำให้เราเอาคำสอนหรือคำพูดของตัวละครเหล่านั้นมาใช้ในชีวิตประจำวัน เหมือนเขาสร้างโลกอีกใบมาให้เรา บางคนอาจจะมองว่าเราโลกสวย แต่ดิสนีย์เป็นเหมือนแรงบันดาลใจ เป็นเหมือนความฝัน แล้วก็เหมือนเป็นเพื่อนอีกคนนึงที่อยู่รอบตัวเราตลอด
2. การ์ตูน Disney แบ่งออกเป็นกี่ประเภทบ้าง
– Disney Princess, Disney Fairy, Mickey Mouse, Star Wars, Marvel, ภาพยนตร์ก็จะเป็นผู้ใหญ่หน่อย
– แม้แต่ในการ์ตูนส่วนของเจ้าหญิงเองก็มีแบ่งเป็น Official Disney Princess, Unofficial Disney Princess หรือ 2D/3D
– มีบางคนก็จะชอบแต่ยุคเก่า 2D บางคนก็จะชอบแต่ยุคใหม่ 3D หรือกลุ่มแฟน Pixar อย่างเดียวก็มี
– เรื่องสุดท้ายที่ทำเป็น 2D คือ The Princess and the Frog ที่เลิกทำอาจจะเพราะ Pixar ค่อนข้างมาแรง กระแสคนเริ่มสนใจ ค่ายอื่นๆ ก็เริ่มทำแบบนั้น อันนี้คือไม่นับ Mickey Mouse ที่เป็น Short Film ที่ยังทำเป็น 2D ให้แฟนๆ ที่ยังชอบอยู่ แต่ก็จะใช้เป็นเทคนิคผสมคอมพิวเตอร์เข้าไปด้วย
– ตั้งแต่ Tangled จะเป็น 3D สำหรับฝั่งดิสนีย์ แต่ Pixar จะเป็น Toy Story การดำเนินเรื่องจะต่างกัน ถ้าเป็นฝั่งดิสนีย์จะเป็นมีการอิงเรื่องราวเป็นนิทานยุคกลาง เอามาดัดแปลง ถ้าของ Pixar จะแต่งเรื่องไม่เหมือนคนอื่นซึ่งจะมีหลักการอยู่ เช่น ต้องไม่มีหมู่บ้านสงบสุข, จะไม่อิงเส้นเรื่องที่มีความรักเป็นหลัก, จะไม่มีตัวร้ายที่ร้ายโดยไม่มีเหตุผล ส่วนใหญ่ทุกตัวจะมีความหลังหรือที่มา
3. ทำไม Disney ถึงสำคัญ
– ด้วยความที่เขาผลิตสื่อออกมาเพื่อสร้างความบันเทิง ความสนุกสนานให้เราได้ แต่อีกส่วนนึงที่มีอยู่ในดิสนีย์ทุกเรื่องคือ เขาจะมีคำพูดหรือความแฝงอะไรที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ ซึ่งเราคิดว่าบางครั้งมันสำคัญกว่าความสนุกสนานซะอีก เวลาเราดู บางทีที่ตัวละครพูดอะไรบางอย่าง มันจะติดอยู่ในหัว แต่บางคนอาจจะเฉยๆ คิดว่าสิ่งพวกนี้ที่มันสอดแทรกอยู่ในดิสนีย์ บางอย่างอาจจะเป็นเหมือนมายาคติ เพื่อบอกว่าเราอยากได้อะไรแบบนี้ บางคนบอกว่าดิสนีย์มันเป็นหนังหรือการ์ตูนสำหรับพวกโลกสวยดู มันใช้ในชีวิตจริงไม่ได้ แต่ถ้าเรามองกลับกันโลกที่เราอยู่ตอนนี้มันอาจจะบิดเกินไป จนมันไม่สวยหรือเปล่า จนทำให้เขารู้สึกว่าโลกแบบดิสนีย์เนี่ยมันเป็นสิ่งที่ไม่ต้องถูกต้องนะ แต่ถ้าเรารู้สึกว่าเราลองเก็บอะไรในดิสนีย์มา แล้วลองกลับเอามาใช้ บางทีมันอาจจะทำให้โลกนี้มันสวยขึ้นมา มันอาจจะไม่มีคำว่าโลกสวย โลกร้ายขึ้นมาก็ได้
– เราชอบดิสนีย์ตั้งแต่เด็กจนโต จะมีคนเขามาถามว่า ทำไมถึงชอบการ์ตูนดิสนีย์ เป็นการ์ตูนที่ step มันน้อย คิดว่าที่สเต็ปมันน้อย dream come true ง่าย อย่างซินเดอเรลล่า เขาถูกกดขี่ เขาถูกทำร้าย จนสุดท้ายถูกนางฟ้ามาช่วย เจอเจ้าชาย เขาก็บอกเราว่านิสัยเราบางอย่างก็แอบติดพวกนี้มา ทำให้เราเชื่อใจไว้ใจคนง่าย ซึ่งทำให้เราเป็นคนที่ถูกทำร้ายง่ายหรือเปล่า ทำให้ไม่รู้โลกความเป็นจริงหรือเปล่า แต่เรามองว่าถ้าจะปล่อยให้เด็กดู มันก็ต้องมีการสอนย้ำอีกครั้งนึง อย่างเช่น สโนวไวท์ คนโชคร้ายที่กินแอปเปิ้ล มีเจ้าชายมาจูบ ก็ต้องสอนลูกว่าเราไม่ควรรับของจากคนแปลกหน้าหรืออยู่ดีๆ จะมีใครมาจูบก็ไม่ได้ หรืออย่างซินเดอเรลล่า อาจจะสอนให้ลูกเป็นคนใจดี มีเมตตาเหมือนซินเดอเรลล่า แต่เราก็ต้องสอนให้ลูกสู้ด้วย ไม่ใช่ว่าจะรอให้คนมาช่วยอย่างเดียว ถ้าคนทำเรา เราก็ต้องปกป้องตัวเองจากการบูลลี่ครั้งนั้น จะมีเจ้าชายมาช่วยเราอย่างเดียวมันก็ไม่ใช่ เพราะบางครั้งเจ้าชายก็เป็นหนึ่งในที่จะมาซ้ำเติมเราด้วยซ้ำ มันก็ต้องมีการสอนควบคู่กันไป
– บางคนบอกว่า การ์ตูนดิสนีย์ทำให้เด็กใจแตก เจ้าหญิงดิสนีย์แต่ละคนแต่งงานไว อย่างสโนวไวท์อายุแค่ 14-15 เอง คนที่โตที่สุดในแก๊งค์ดิสนีย์คือ ซินเดอเรลล่าที่อายุ 19 โดยเฉพาะ meme ซินเดอเรลล่า เราก็พยายามอธิบายว่า ดิสนีย์เขาเอาเรื่องจากหนังสือนิทานยุคเก่านู้น ผู้หญิงแต่งงานไวไม่ใช่เรื่องผิดแปลก มันเป็นเหมือนคนละบริบทกัน ตามยุคตามสมัย เดี๋ยวนี้ผู้หญิงอายุ 30 ยังไม่แต่งงานก็เป็นเรื่องปกติ
– อย่างเรื่องของสิทธิสตรี ดิสนีย์เขาก็เริ่มมาชูมากๆ ช่วงหลังๆ เขาจะไม่ค่อยเน้นเรื่องความรัก เจ้าหญิงเจ้าชาย เริ่มมาตั้งแต่เอลซ่าและอันนาที่มาความรักแบบพี่น้อง ต่อจากนั้นก็มีแบบผู้หญิงแกร่ง ก็ค่อนข้างให้เสียงกับผู้หญิงมากขึ้น มีความหลากหลายมากขึ้น จนมีดราม่า อย่างแอเรียล ที่เอานักแสดงผิวสีมาเล่น ถ้าถามเรามุมของตัวเองเรื่อง live action ที่ข่าวมาครั้งแรก เราก็แอบช็อกอยู่เหมือนกัน
– ดิสนีย์ช่วงนี้เขาค่อนข้างจะเรียกร้องความเท่าเทียมสูงมาก ซึ่งเขาจะมีบทนักแสดงผิวสีที่โผล่เข้ามา ซึ่งของเดิมเป็นผิวขาว สำหรับเรา เราเป็นพวกดิสนีย์ แต่ก็จะมีลูกเพจหลายคนที่มาระบายว่ามันไม่โอเค แต่ด้วยความที่เราเป็นแฟนดิสนีย์ อะไรเป็นดิสนีย์เราเสพหมด ไม่ได้มีความรู้สึกว่าต้องเป็นอย่างนู้นอย่างนี้ ตอนแรกที่ทราบข่าวก็มีความกระทบ วูบเหมือนกัน แต่สุดท้ายมันจะเด้งกลับมาว่า ฉันไว้ใจดิสนีย์ของฉันจบ
4. Disney เป็นต้นแบบของแอนิเมชั่น อย่างไร
– ดิสนีย์ยังเป็นต้นแบบแอนิเมชั่นของโลก แอนิเมชั่นเรื่องยาวเรื่องแรกของโลกคือ สโนไวท์ จากที่เมื่อก่อนจะเป็นการ์ตูนสั้นๆ ไม่มีบทพูด แต่สำหรับสโนไวท์ คุณ Walt เขาปิ๊งไอเดียขึ้นว่าอยากสร้างเป็นแอนิเมชั่นเรื่องยาวเรื่องแรกของโลก เราชอบความเป็นของเรื่องสโนวไวท์ เรื่องที่ชอบที่สุดคือคุณ Walt เขาลงทุนทุ่มสุดตัวขนาดที่ว่าขายของทุกอย่างที่มี แล้วก็ไปกู้ธนาคาร ไม่ฟังพ่อแม่ภรรยา ตอนนั้นสื่อทุกสื่อก็บอกว่าไม่มีใครจะมานั่งดูการ์ตูนยาวๆ แบบนี้หรอก แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ทำสำเร็จ
– ความเป็นอมตะที่เราชอบคือ ขนาดการ์ตูนที่อายุเกือบ 100 ปี เด็กสมัยนี้ก็ยังรู้จัก ดูแล้วก็ยังสามารถร้องเพลงของสโนไวท์ได้ จะมีสักกี่ค่ายที่ทำอะไรแบบนี้ได้
– มิกกี้เมาส์ก็เป็นหนึ่งในตัวละครที่คลาสสิค ทุกอย่างเกิดมาจากหนูตัวเดียว เคยไปอ่านเบื้องหลัง จำได้ว่าคุณ Walt ออกไปข้างนอก แล้วเจอหนูตัวนึงที่วิ่งออกมาจากโรงรถ แล้วเขาก็มีความคิดว่าจะสร้างตัวละครตัวนึงขึ้นมาจากหนู แล้วใครจะเชื่อว่าหนูตัวเดียวของเขา สามารถสร้างทุกอย่างมาตั้งแต่มิกกี้เมาส์ตอนนั้น มาถึง Raya ในตอนนี้
– นอกจากแอนิเมชั่น แล้วดิสนีย์ยังมีสวนสนุก ของเล่น การเอาตัวละครออกมาในโลกความเป็นจริงเหมือนเป็น magic มากๆ การเป็นดิสนีย์แลนด์ก็เป็นความฝันสูงสุดของเราเหมือนกัน
5. เรื่องที่ชอบที่สุดของ Disney มีอะไรบ้าง
– เรื่องที่ชอบที่สุดคือ เจ้าหญิงเทียน่า (The Princess and the Frog) และแอเรียล (The Little Mermaid) ถ้าเอาแค่เนื้อเรื่องก็ชอบ Frozen ภาพสวย เพลงก็เพราะ ค่อนข้างชอบ
– ถ้าไม่รับฝั่งเจ้าหญิงจะชอบเรื่อง Ratatouille ที่บอกว่า ผู้ยิ่งใหญ่จริงๆ แล้วจะเป็นใครมาจากไหนก็ได้ และ Inside out ที่เป็นคอนเซ็ปของหัาอารมณ์คือ Joy, Fear, Anger, Disgust, Sadness เป็นตัวละครที่คอยควบคุมในแผงของเรา ถ้าตัวไหนแตะแผงก็จะเป็น reaction ที่เรามีต่อสิ่งต่างๆ ทำให้กลายเป็นบุคลิกของคนที่ถูกควบคุมด้วยห้าอารมณ์นี้ ชอบแนวคิดนี้มาก
6. เรื่องที่เป็นประเด็นของ Mulan
– Disney Princess สมัยก่อนจะเป็นผิวขาวทั้งนั้น ถ้าไม่นับรายา (Raya and the Last Dragon ) จะมีจัสมิน (Aladdin) กับ มู่หลาน (Mulan) ที่มองว่าเป็นการตลาดของตอนนั้น
– จริงๆ มีประเด็นตั้งแต่ตอนเป็นแอนิเมชั่นแล้ว เพราะคนจีนก็ไม่ได้ปลื้มเต็มร้อย มีอะไรที่บิดเบี้ยวไปจากวัฒนธรรมจีน ด้วยความที่มู่หลานเป็นบทกวีของทางจีน ตอนหยิบไปใช้ คนจีนมองว่าเป็นเหมือนการขโมยวรรณกรรม โดยที่ไม่ได้ขอก่อน แล้วพอเอาไปทำ เนื้อเรื่องมีการเปลี่ยนแปลง เช่น มู่หลานดูเป็นสาวอเมริกันจ๋า ไม่เหมือนสาวจีน ซึ่งต้องเข้าใจว่าเรื่องของมู่หลานเนี่ยเป็นเหมือนจีนสมัยก่อน มันไม่เหมือนจีนสมัยนี้ ซึ่งพอดิสนีย์เอาไปทำ มันจะมีเหตุการณ์ที่มู่หลานเถียงพ่อ ตอนที่บอกพ่อไม่จำเป็นต้องไปรบ แล้วมีวิ่งหนีออกจากบ้าน ซึ่งคนจีนเขามองว่าเป็นวัฒนธรรมของเด็กอเมริกา คนจีนสมัยก่อนจะไม่เถียงพ่อแม่
– ไหนจะมีเรื่องมังกร เพราะคนจีนเชื่อว่ามังกรเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มูซูกลายเป็นมังกรติงต๊อง เขาก็มีความไม่ชอบเลย แล้วไหนจะมีฉากที่ฮ่องเต้คำนับด้วย ด้วยความเป็นจีน ฮ่องเต้จะเหมือนเป็นสมมุติเทพ พอมีฉากฮ่องเต้คำนับให้มู่หลาน ในมุมของจีนมันไม่ได้หรือเปล่า เขาจะมาก้มหัว เขาทำไม่ได้
– ยิ่งพอดิสนีย์เอามาทำ live action ก็ยิ่งกลายเป็นอภิมหาดราม่า ในฝั่งของการ์ตูนเนี่ยคือถูกใจโลก แต่ไม่ถูกใจจีน มันก็จะมีการปรับกัน มีเรื่องของชางด้วย ชางกับมู่หลานดูเป็นความรักชาย-ชายมากไปนิดนึง พอมาปรับเป็น live action ดิสนีย์เขาต้องการทำให้มันถูกต้อง ด้วยการทำเนื้อเรื่องให้มันโอเคขึ้น ตัดมูซูออก ตัดบทแม่ทัพชางออก มีที่มาอีกอันจากฝั่งอเมริกาที่เขามีรณรงค์เรื่องของ Me Too ที่เขามองว่าชางเป็นผู้บังคับบัญชา เหมือนเป็นหัวหน้าของมู่หลาน การที่มาชอบกับลูกน้อง ลูกน้องโดนหัวหน้าจีบ มันเหมือนการโดนคุกคามทางเพศของผู้ที่ใหญ่กว่า เขาก็เลยตัดแม่ทัพชางมาเป็นทหารระดับเดียวกัน ตัดมูซูออก แล้วก็ปรับบทให้มันดูจริงจังมากขึ้น แต่ทำให้กลายเป็นไม่ถูกใจแฟนดิสนีย์ เพราะเราโตมากับมูซู แฟนๆก็เลยไม่ชอบ แล้วก็มีดราม่าเรื่อง หลิวอี้เฟย ตั้งแต่ตอนที่เขาแสดงความเห็นทางการเมืองของฮ่องกง เหมือนเขาโพสต์คำพูดของนักข่าวที่โดนทำร้ายร่างกาย ในโซเชี่ยลของจีน แล้วใส่ hashtag คนฮ่องกงเขาก็ไม่โอเค คนที่แสดงมู่หลานไม่ควรออกมาแสดงความเห็นแบบนี้ เพราะม็อบฮ่องกงเขากำลังเรียกร้องประชาธิปไตย ฝั่งอเมริกาเขามีแชร์ภาพของม็อบฮ่องกงที่ถูกทำร้ายร่างกาย มีการเรียกร้องให้ถอดนักแสดงคนนี้ออก เพราะว่าเธอไม่เป็นประชาธิปไตย อีกอย่างคือ หลิวอี้เฟยเป็นคนจีนที่ถือสัญชาติอเมริกา เลยมีการเรียกร้องที่หนักหน่วง แต่ตอนนั้นเขาถ่ายเสร็จหมดแล้ว
– แล้วยังมีดราม่าของคนจีนอีก ที่หลิวอี้เฟยไปให้สัมภาษณ์ว่าเขาภูมิใจในความเป็นเอเชีย ซึ่งคนจีนก็ฮือขึ้นมาว่าทำไมไม่พูดว่าภูมิใจในความเป็นจีน เธอไม่ภูมิใจในความเป็นจีนใช่ไหม มีดราม่าในตัวของนักแสดง ดราม่าของบท ดราม่าของสถานที่ถ่ายทำด้วย ที่ดันไปถ่ายทำในพื้นที่ที่มีการกดขี่ของมนุษยชนของจีน หลายๆ อย่างประกอบกัน แล้วพอฉายออกมาบทไม่โดน คนจีนที่ดูก็เหมือนมู่หลานเหมือนคนอยู่ในเมือง แต่บ้านเหมือนอยู่ทางเหนือ แล้วต้องขี่ม้าไปรบที่ไกลมากๆ คนจีนก็มีคอมเมนต์ว่าขี่ม้าอะไรถึงไปไวได้ขนาดนี้
7. ทำไมช่วงนี้ Disney เขามาเน้นตลาด South East Asia (SEA) มากขึ้น
– เพราะ Head of Story เป็นคนไทยของเรื่อง Raya มีพี่ฝนที่เขาเป็นหัวหน้าทีม ความเห็นของเราคิดว่า ดิสนีย์อาจจะเล็งเห็นตลาดที่เป็น SEA มากขึ้น อย่างของไทยเองก็มีวัฒนธรรมค่อนข้างชัดเจน แฟนๆ ก็ค่อนข้างสูงอยู่ ต่อไปเขาน่าจะมีเนื้อหาที่เกี่ยวกับไทย หรือใกล้ๆ เราเยอะขึ้น เพราะอย่างเพลง ชิปกับเดล ก็เป็นคนไทยแต่ง เขาเป็นคนไทยที่โตที่อเมริกา เป็นคนแต่งเพลงนี้ และสอนให้มิกกี้เมาส์พูดภาษาไทย คน SEA ที่ทำงานที่ดิสนีย์ก็เยอะอยู่ เพราะฉะนั้นการทำเนื้อเรื่องที่เกี่ยวกับแถบนี้ก็เป็นการลองขยายตลาดให้มากขึ้น ถ้าเขาทำออกมาแล้วขายได้ มีคนสนใจเยอะ ก็ไม่แปลกที่อีกหน่อยจะมีเรื่องที่ใกล้ๆ ตัวเรางอกมามากขึ้น ซึ่งถ้าเราอยากเห็น เราก็ต้องช่วยกันอุดหนุนเขา SEA ก็เป็นอีกหนึ่งตลาดที่เติบโตมากๆ นอกจากจีน
8. ใครบ้างที่เหมาะกับการดู Disney
– ได้ทุกคน ชอบแบบไหนก็ดูตามนั้น สามารถเลือกได้ทุกสื่อ ถ้าไม่ชอบเจ้าหญิง ไปดูเป็นมิกกี้เม้าส์ หรือชอบเรื่องแนวที่สอดแทรกความคิดก็จะแนะนำ Pixar ความคิดกระจุยกระจายโผล่ขึ้นมาเต็ม ถ้าชอบไซไฟก็ไปแนว Star Wars มีเนื้อหาที่หลากหลาย ดิสนีย์เดี๋ยวนี้ไม่ได้มีแค่เจ้าหญิง คนชอบดิสนีย์สมัยนี้ อาจจะรวมหมายถึงสาย Marvel สาย Starwars หรืออย่างพวกเจ้าหญิงเองผู้ชายก็ชอบได้ ไม่ใช่เรื่องแปลก
9. ฝากส่งท้าย เกี่ยวกับ disney
– ถ้าอยากลองทำงานเกี่ยวกับดิสนีย์ลองกดเข้าไปดูที่เว็บไซต์ https://jobs.disneycareers.com/ มีค่อนข้างหลากหลาย ทั้งส่วนที่เป็นออฟฟิศหรือที่เป็นทำงานในพาร์ค
– เพจของเรา Disney Everything เป็นเพจเกี่ยวกับดิสนีย์ล้วนๆ แต่ต้องเป็นคนชอบอ่านด้วย เพราะเราเป็นคนเขียนยาวมาก ถ้าชอบ อยากรู้เรื่องราวก่อนที่ดิสนีย์จะมาดัดแปลง คุณก็สามารถเข้ามาอ่านในเพจ รวมถึงมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย อยากรู้ให้ลึกขึ้น ลองเข้ามาอ่านในเพจได้ มีลงเรื่องใหม่ทุกวัน
รายละเอียด
Date: 12 May 2021 (21:00-22.10)
Speaker: คุณพลอย – เจ้าของเพจ Disney Everything
Moderator: พี P Panit (วันนี้สรุป..มา)
#ClubhouseTH #WhyItMatters #ทำไมถึงสำคัญ #Disney #DisneyEverything #todayinotetoevent #todayinoteto #วันนี้สรุปมา